Trang này có thể chứa nội dung của bên thứ ba, được cung cấp chỉ nhằm mục đích thông tin (không phải là tuyên bố/bảo đảm) và không được coi là sự chứng thực cho quan điểm của Gate hoặc là lời khuyên về tài chính hoặc chuyên môn. Xem Tuyên bố từ chối trách nhiệm để biết chi tiết.
Tại sao phân khúc khách hàng lại là chìa khóa thành công trong đầu tư
ยุคนี้หากคุณยังโยนเงินไปทำการตลาดแบบไม่เล็งมุ่งหน้า ผลลัพธ์ที่ได้ก็คงจะผิดหวัง การที่ธุรกิจหลายแห่งล้มเหลวไม่ใช่เพราะสินค้าแย่ แต่เพราะพวกเขาขายให้ผู้คนที่ผิด ดังนั้น market segmentation จึงกลายเป็นเครื่องมือที่ไม่อาจมองข้าม ช่วยให้คุณรู้ว่าเป้าหมายของคุณเป็นใครจริง ๆ และจะตีแนวทางการตลาดอย่างไรให้มีประสิทธิภาพสูงสุด
Market Segmentation คืออะไรกันแน่
ลองจินตนาการสักนิด ถ้าคุณเป็นเจ้าของร้านกีฬา คุณจะขายเฟสบุคชายชิ้นเดียวให้ทั้งนักฟิตเนส เด็กเรียน และผู้สูงอายุได้หรือไม่ แน่นอนไม่ได้ เพราะความต้องการพวกเขาต่างกันสิ้นเชิง
นั่นแหละสาระสำคัญของ market segmentation - การแบ่งตลาดขนาดใหญ่ออกเป็นกลุ่มผู้ซื้อที่เล็กลง แต่มีลักษณะหรือความต้องการคล้ายคลึงกัน เพื่อให้คุณสามารถกำหนดกลยุทธ์การตลาดและสินค้าที่พอดีกับแต่ละกลุ่มได้
สำหรับนักลงทุน แนวคิดนี้มีความหมายว่า คุณสามารถประเมินศักยภาพในการทำกำไรของแต่ละกลุ่มลูกค้า ดูระดับอุปสงค์และอุปทานของพวกเขา และตัดสินใจว่าจะลงทุนในธุรกิจไหนที่มีโอกาสได้กำไรมากที่สุด
ทำไมจึงต้องสนใจเรื่องนี้
ก่อนที่จะสูบสายเงิน คุณต้องเข้าใจว่า market segmentation นั้นช่วยอะไรได้บ้าง
ประหยัดงบประมาณการตลาด - แทนที่จะโฆษณาทั่วไปให้คนทั้งเมือง ให้โฟกัสเฉพาะกลุ่มที่มีโอกาสซื้อสูง ผลคือลดค่าใช้จ่ายและเพิ่มผลตอบแทน
เข้าใจลูกค้าลึกขึ้น - เมื่อรู้ว่าใครกำลังซื้อและเขาต้องการอะไร คุณสามารถปรับแต่งข้อเสนออย่างให้เหมาะสม
สร้างความเป็นจริง - กลุ่มเป้าหมายที่ชัดเจนช่วยให้คุณสร้างแคมเปญการตลาดที่มีประสิทธิภาพ แทนที่จะสุ่มเสี่ยง
เพิ่มศักยภาพรายรับ - บริษัทที่รู้วิธีพูดกับกลุ่มลูกค้าแต่ละกลุ่มมักสามารถทำให้พวกเขาซื้อซ้ำได้ ซึ่งนำไปสู่รายได้ที่ยั่งยืน
วิธีการแบ่งกลุ่ม - มีกี่วิธี
การแบ่งกลุ่มตลาดมีหลายมิติ ให้เลือกอันไหนเหมาะกับสินค้าของคุณ
1. ตามข้อมูลประชากร (Demographic)
นี่คือวิธีพื้นฐานที่สุด - อายุ เพศ รายได้ สถานภาพการสมรส อาชีพ ระดับการศึกษา
ตัวอย่าง: ตราแฟชั่นสตรีอาจมุ่งเป้าไปที่ผู้หญิงอายุ 25-35 ที่มีรายได้ปานกลางถึงสูง
2. ตามที่ตั้ง (Geographic)
พื้นที่ ประเทศ เมือง ภูมิภาค สภาพภูมิอากาศ
ตัวอย่าง: บริษัทขายว่ายน้ำจะสนใจลูกค้าในเขตชายเนิ้นมากกว่าพื้นที่ภูเขา
3. ตามพฤติกรรม (Behavioral)
ประวัติการซื้อ ความสนใจ ความถี่ในการซื้อ ความภักดีต่อแบรนด์
ตัวอย่าง: ลูกค้าที่ซื้อสินค้า premium มากกว่าหนึ่งครั้งมีแนวโน้มที่จะซื้อต่อ
4. ตามบุคลิกภาพและค่านิยม (Psychographic)
ทัศนคติ สถานะทางสังคม ความเชื่อ ความสนใจส่วนตัว
ตัวอย่าง: ผู้ที่ใส่ใจสิ่งแวดล้อมจะเต็มใจจ่ายราคาเพิ่มเติมสำหรับสินค้าที่ยั่งยืน
5. ตามองค์กร (Firmographic) - สำหรับ B2B
ขนาดบริษัท อุตสาหกรรม รายได้ประจำปี บทบาทหน้าที่
ตัวอย่าง: ซอฟต์แวร์บัญชีอาจมุ่งเป้าไปที่บริษัทขนาดกลางในภาคบริการ
ขั้นตอนปฏิบัติจริง - จากแผนไปสู่การกระทำ
ขั้นตอนที่ 1: กำหนดเป้าหมายแบบกว้าง
เริ่มด้วยการถามตัวเองว่า ลูกค้าอุดมคติของฉันมีลักษณะอย่างไร เขาแก้ปัญหาใด เขาใช้ชีวิตอย่างไร ยิ่งชัดเจน ยิ่งดี
ขั้นตอนที่ 2: รวบรวมข้อมูล
ใช้แบบสำรวจ สัมภาษณ์ กลุ่มอภิปราย และเครื่องมือวิเคราะห์ดิจิทัล ดูว่าสินค้าของคุณเข้าถึงใครได้บ้าง พวกเขาจ่ายเท่าไหร่ ซื้อบ่อยแค่ไหน
ขั้นตอนที่ 3: ตรวจสอบศักยภาพกำไร
ไม่ใช่ทุกกลุ่มจะทำให้คุณรวย บ้างกลุ่มมีปริมาณมากแต่รับเงินน้อย ขอให้ลุ่มไปที่ที่มี:
ขั้นตอนที่ 4: ศึกษาคู่แข่ง
คู่แข่งของคุณแบ่งกลุ่มลูกค้าอย่างไร พวกเขาทำอะไรแตกต่างไปจากคุณ ข้อเสียของพวกเขาคืออะไร
ขั้นตอนที่ 5: ทดสอบกลยุทธ์
ก่อนเปิดตัวอย่างเต็มรูปแบบ ให้ทดลองกับกลุ่มเล็ก ๆ ฟังความคิดเห็น ปรับปรุง แล้วค่อย ๆ ขยายออกไป
ขั้นตอนที่ 6: ติดตามและปรับตัว
พฤติกรรมลูกค้าเปลี่ยนตลอดเวลา โปรดติดตามตัวชี้วัดสำคัญ เช่น อัตราการแปลง ต้นทุนต่อลูกค้า และผลกำไร ปรับกลยุทธ์เมื่อจำเป็น
ข้อผิดพลาดที่พบบ่อย - อย่ากระทำ
หวาดไหว่เล็กเกินไป: บ้างคนแบ่งกลุ่มจนละเอียดเกินไป ทำให้ตลาดแต่ละส่วนเล็กลงจนไม่สามารถวัดหรือมีกำลังซื้อไม่เพียงพอ
ลืมดูกำไร: คุณอาจมุ่งเป้าไปที่กลุ่มใหญ่ แต่พวกเขาไม่มีเงิน หรือต้องใช้ต้นทุนมากเกินไปที่จะบำรุง
ยึดติดกับสมมติฐาน: ตลาดเปลี่ยนตลอดเวลา พอคุณทำการทดสอบแล้วพบว่ากลยุทธ์ไม่ได้ผล อย่ากลัวที่จะเปลี่ยนแปลง
ไม่มีผลิตภัณฑ์ที่ตรงกับความต้องการ: บ้างกลุ่มที่ฐานเท้า ก็ไม่ใช่ว่าขายได้ ควรลงทะเบียนว่าความต้องการนั้นแท้จริงหรือไม่
เทียบลาภและเสีย
ข้อดี
ข้อเสีย
ตัวอย่างการประยุกต์ใช้
B2B Targeting: ใช้ market segmentation เพื่อจัดแบบบริษัทตามขนาด อุตสาหกรรม และความต้องการ จากนั้นยืนเข้าถึงด้วยข้อเสนอที่ตรงจุด
ปรับแต่งการขายและการตลาด: สร้างแคมเปญที่พูดถึงปัญหาเฉพาะของแต่ละกลุ่ม ร้องขออร่หน้า ไม่ว่าตามจะเป็นการลดต้นทุน หรือเพิ่มประสิทธิภาพ
ประเมินโอกาสธุรกิจ: ดูว่าแต่ละ segment มีศักยภาพการขายเท่าไหร่เทียบกับทั้งหมด ตัดสินใจว่าควรลงทุนหรือไม่
แก้ปัญหาลูกค้าให้ตรงจุด: สินค้าที่ไม่แก้ปัญหาจริงจะขายยาก แต่ถ้ารู้ว่าแต่ละกลุ่มเจ็บตรงไหน ก็สามารถพัฒนาโซลูชันที่พอดีได้
บทสรุป
Market segmentation ไม่ใช่เรื่องซับซ้อนที่เป็นไปไม่ได้ มันคือการรู้จักลูกค้าของคุณ เข้าใจพวกเขาจริง ๆ และให้สิ่งที่พวกเขาต้องการ
สำหรับนักลงทุน market segmentation คือเครื่องมือที่ช่วยคัดแยกธุรกิจที่มีโอกาสทำกำไรออกมา ลดความเสี่ยง และเพิ่มโอกาสสำเร็จของการลงทุน เมื่อสามารถเข้าใจตลาดได้ลึก ก็ยิ่งมีอำนาจในการตัดสินใจว่าเงินจะวิ่งไปไหนให้เก็บเกี่ยวผลสำเร็จได้นั่นเอง