Значение WACC и его важность при оценке стоимости бизнеса

เมื่อพูดถึงการลงทุน นักลงทุนหลายคนมักมุ่งเน้นไปที่ผลตอบแทนที่คาดว่าจะได้รับเพียงอย่างเดียว แต่ในความเป็นจริง มีปัจจัยสำคัญอีกประการหนึ่งที่ไม่ควรมองข้าม นั่นคือต้นทุนของเงินทุนที่บริษัทใช้ในการดำเนินงาน หากคุณต้องการตัดสินใจลงทุนอย่างรอบคอบ การทำความเข้าใจ WACC meaning หรือความหมายของต้นทุนเฉลี่ยของเงินทุนจึงเป็นเรื่องที่ควรศึกษาเพิ่มเติม

การเข้าใจ WACC Meaning ว่าหมายถึงอะไร

WACC ซึ่งเป็นตัวย่อของ Weighted Average Cost of Capital ในภาษาไทยหมายถึง ต้นทุนเฉลี่ยของเงินทุน เป็นตัวชี้วัดทางการเงินที่บ่งบอกถึงอัตราคิดลดที่เหมาะสมสำหรับการประเมินโครงการลงทุนหรือธุรกิจ

ในทางปฏิบัติ WACC ใช้เพื่อวัดต้นทุนรวมที่บริษัทต้องหารือเพื่อให้ได้เงินทุนจากแหล่งต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นการกู้ยืมจากสถาบันการเงินหรือการรับเงินลงทุนจากผู้ถือหุ้น ค่า WACC ยิ่งต่ำ แสดงว่าบริษัทสามารถจัดหาเงินทุนได้อย่างมีประสิทธิภาพ และนี่ถือเป็นสัญญาณที่ดีสำหรับความยั่งยืนทางการเงิน

องค์ประกอบหลักของต้นทุนเฉลี่ยเงินทุน

WACC ประกอบด้วยสองส่วนหลักที่นักลงทุนและผู้บริหารต้องเข้าใจอย่างชัดเจน

แหล่งที่หนึ่ง: ต้นทุนจากการกู้ยืม (Cost of Debt)

เมื่อบริษัทไปยืมเงินจากธนาคารหรือสถาบันการเงินต่างๆ พวกเขาจำเป็นต้องชำระอัตราดอกเบี้ยตามที่กำหนด ต้นทุนจากการกู้ยืมนี้ไม่ใช่เพียงแค่อัตราดอกเบี้ยเท่านั้น เนื่องจากดอกเบี้ยสามารถนำไปหักลดหย่อนภาษีได้ ทำให้ต้นทุนที่แท้จริงลดลง

แหล่งที่สอง: ต้นทุนจากเจ้าของหรือผู้ถือหุ้น (Cost of Equity)

นอกจากการกู้ยืม บริษัทอาจได้รับเงินลงทุนจากผู้ถือหุ้นหรือเจ้าของ ผู้ลงทุนเหล่านี้คาดหวังที่จะได้รับผลตอบแทนที่สมเหตุสมผลตามระดับความเสี่ยง อัตราผลตอบแทนที่คาดหวังนี้จึงถือเป็นต้นทุนของทุนอีกรูปแบบหนึ่ง

วิธีการคำนวณ WACC ด้วยสูตรมาตรฐาน

หากบริษัทใช้เงินทุนมาจากแหล่งเดียว การคำนวณจะค่อนข้างตรงไปตรงมา แต่ในความเป็นจริงส่วนใหญ่ของบริษัทใช้เงินทุนจากหลายแหล่งพร้อมกัน จึงต้องใช้สูตร WACC เพื่อหาค่าเฉลี่ยถ่วงน้ำหนัก

สูตรการคำนวณ WACC มีดังนี้:

WACC = D/V(R_d)(1-T_c) + E/V(R_e)

โดยที่:

  • D/V = สัดส่วนของหนี้ต่อเงินทุนทั้งหมด
  • R_d = ต้นทุนของหนี้ (อัตราดอกเบี้ย)
  • T_c = อัตราภาษีเงินได้นิติบุคคล
  • E/V = สัดส่วนของทุนของผู้ถือหุ้นต่อเงินทุนทั้งหมด
  • R_e = ต้นทุนของทุนผู้ถือหุ้น (อัตราผลตอบแทนที่คาดหวัง)

สูตรนี้ช่วยให้เราได้ค่าเฉลี่ยของต้นทุนเงินทุนตามสัดส่วนจริงของแต่ละแหล่ง

ตัวอย่างการคำนวณ WACC ในสถานการณ์จริง

เพื่อให้เข้าใจมากขึ้น ลองพิจารณากรณีของบริษัท ABC ซึ่งเป็นบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ บริษัทนี้มีโครงสร้างเงินทุนดังนี้:

  • หนี้สิน: 100 ล้านบาท (สัดส่วน 60% ของเงินทุนทั้งหมด)
  • ส่วนของผู้ถือหุ้น: 160 ล้านบาท (สัดส่วน 40%)
  • อัตราดอกเบี้ยเงินกู้: 7% ต่อปี
  • อัตราภาษีนิติบุคคล: 20%
  • อัตราผลตอบแทนที่คาดหวัง: 15%

การคำนวณ:

D/V = 100/260 ≈ 0.3846 R_d = 0.07 T_c = 0.20 E/V = 160/260 ≈ 0.6154 R_e = 0.15

แทนค่าในสูตร: WACC = (0.3846)(0.07)(1-0.20) + (0.6154)(0.15) WACC = (0.3846)(0.07)(0.80) + (0.6154)(0.15) WACC = 0.02154 + 0.09231 WACC ≈ 11.38%

ผลการคำนวณนี้บ่งบอกว่าบริษัท ABC ต้องใช้อัตราคิดลด 11.38% เพื่อประเมินโครงการลงทุนต่างๆ หากผลตอบแทนที่คาดหวังจากโครงการสูงกว่า 11.38% แสดงว่าโครงการนั้นสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับบริษัท

การประเมินความคุ้มค่าของการลงทุนใช้ WACC

เมื่อนักลงทุนได้ค่า WACC แล้ว ก็สามารถนำไปเปรียบเทียบกับอัตราผลตอบแทนที่คาดหวังได้

  • หากอัตราผลตอบแทนที่คาดหวัง มากกว่า WACC → โครงการน่าลงทุน
  • หากอัตราผลตอบแทนที่คาดหวัง น้อยกว่า WACC → โครงการไม่คุ้มค่า

ในตัวอย่างของบริษัท ABC ที่มี WACC เท่า 11.38% และอัตราผลตอบแทนที่คาดหวัง 15% เห็นได้ว่า 15% > 11.38% ดังนั้นโครงการลงทุนนี้ถูกพิจารณาว่าคุ้มค่า

ค่า WACC ที่เหมาะสมควรเป็นเท่าไร

ไม่มีค่า WACC ที่เป็น “มาตรฐานสากล” เนื่องจากแต่ละอุตสาหกรรมและแต่ละบริษัทมีลักษณะเฉพาะตัว อย่างไรก็ตาม หลักการทั่วไปคือ ค่า WACC ยิ่งต่ำยิ่งดี เพราะสะท้อนถึงต้นทุนเงินทุนที่ต่ำ

ในการตัดสินใจลงทุน ควรพิจารณาหลายปัจจัย:

  • ลักษณะของอุตสาหกรรมที่ธุรกิจดำเนินการ
  • ระดับความเสี่ยงของโครงการลงทุน
  • นโยบายการจัดหาเงินทุนของบริษัท
  • สภาวะ経済ทั่วไป

การออกแบบโครงสร้างทางการเงินให้เหมาะสม

บริษัทหลายแห่งพยายามหาโครงสร้างเงินทุนที่ดีที่สุด เพื่อให้บรรลุสองเป้าหมาย:

  1. ลดต้นทุนเฉลี่ยของเงินทุน (Minimizing WACC) - ยิ่งต่ำเท่าไร บริษัทก็ยิ่งสามารถลงทุนในโครงการใหม่ได้อย่างมีประสิทธิภาพ

  2. เพิ่มมูลค่าตลาดของหุ้นสามัญ (Maximizing Market Value) - เพื่อสร้างผลประโยชน์สูงสุดให้กับผู้ถือหุ้น

บริษัทสามารถเลือกได้หลายวิธี:

ใช้เงินทุนจากผู้ถือหุ้นเพียงอย่างเดียว: วิธีนี้ทำให้ WACC อยู่ในระดับสูง เนื่องจากผู้ถือหุ้นมีความเสี่ยงมากขึ้น จึงคาดหวังผลตอบแทนที่สูงกว่า

ผสมผสานการกู้ยืมกับทุนผู้ถือหุ้น: วิธีนี้จะลดค่า WACC ได้ถึงระดับที่เหมาะสม เนื่องจากการกู้ยืมมีต้นทุนต่ำกว่า และดอกเบี้ยสามารถหักลดหย่อนภาษีได้

ข้อจำกัดและความเสี่ยงในการใช้ WACC

แม้ว่า WACC เป็นเครื่องมือที่มีประโยชน์ แต่ก็มีข้อจำกัดที่นักลงทุนควรระวัง:

ปัญหาที่หนึ่ง: ไม่สามารถคาดการณ์ความเปลี่ยนแปลง

WACC คำนวณโดยใช้ข้อมูลปัจจุบัน แต่ปัจจัยต่างๆ เช่น อัตราดอกเบี้ย ระดับความเสี่ยง และอัตราการลงทุนสามารถเปลี่ยนแปลงได้ตลอดเวลา ทำให้ค่า WACC ที่คำนวณได้อาจไม่สะท้อนความเป็นจริงในอนาคต

ปัญหาที่สอง: ไม่คำนึงถึงความเสี่ยงเฉพาะของโครงการ

WACC เป็นค่าเฉลี่ยสำหรับบริษัทโดยรวม แต่โครงการลงทุนที่แตกต่างกันอาจมีระดับความเสี่ยงที่แตกต่างกัน การใช้ WACC เพียงอย่างเดียวอาจนำไปสู่การตัดสินใจที่ไม่เหมาะสม

ปัญหาที่สาม: ความซับซ้อนของการคำนวณ

การหา WACC ต้องการข้อมูลจำนวนมาก รวมถึงข้อมูลเกี่ยวกับโครงสร้างเงินทุนปัจจุบัน ต้นทุนของทุน และต้นทุนของหนี้ การได้มาซึ่งข้อมูลที่ถูกต้องและปัจจุบันอาจทำได้ยาก

ปัญหาที่สี่: WACC เป็นค่าประมาณเท่านั้น

เนื่องจากปัจจัยหลายประการ ค่า WACC จึงเป็นเพียงค่าประมาณและอาจมีความคลาดเคลื่อนได้เสมอ นักลงทุนควรใช้ WACC ร่วมกับเครื่องมือวิเคราะห์อื่นๆ

การใช้ WACC อย่างมีประสิทธิภาพ

เพื่อให้ได้ประโยชน์สูงสุดจากการวิเคราะห์ WACC ลองพิจารณาแนวทางต่อไปนี้:

ประการแรก: ใช้ WACC ร่วมกับตัวชี้วัดอื่นๆ

ไม่ควรพึ่งพา WACC เพียงอย่างเดียว ลองนำมาใช้ควบคู่กับตัวชี้วัดอื่นๆ เช่น Net Present Value (NPV) ซึ่งช่วยประเมินมูลค่าปัจจุบันสุทธิของโครงการ และ Internal Rate of Return (IRR) ซึ่งบ่งบอกถึงอัตราผลตอบแทนภายในของโครงการ ด้วยการใช้หลายตัวชี้วัด สามารถได้มาซึ่งการตัดสินใจที่เป็นกลางและแม่นยำยิ่งขึ้น

ประการที่สอง: ทำการปรับปรุงค่า WACC เป็นระยะๆ

ข้อมูลทางการเงินเปลี่ยนแปลงไป ดังนั้นควรอัปเดตการคำนวณ WACC เป็นประจำ เพื่อให้สอดคล้องกับสภาวะปัจจุบัน โดยเฉพาะเมื่อมีการเปลี่ยนแปลงสำคัญในอัตราดอกเบี้ย โครงสร้างเงินทุน หรือความเสี่ยงของธุรกิจ การทำเช่นนี้จะช่วยให้นักลงทุนสามารถปรับทิศทางการลงทุนได้อย่างทันท่วงที

สรุปสาระสำคัญ

WACC meaning หรือต้นทุนเฉลี่ยของเงินทุน เป็นตัวชี้วัดทางการเงินที่สำคัญมากสำหรับนักลงทุนและผู้บริหารธุรกิจ ด้วยการทำความเข้าใจ WACC เพื่อใช้ประเมินความคุ้มค่าของการลงทุน ตัดสินใจเกี่ยวกับโครงสร้างเงินทุน และเปรียบเทียบโครงการลงทุนที่แตกต่างกัน

อย่างไรก็ตาม นักลงทุนไม่ควรพึ่งพา WACC เพียงตัวชี้วัดเดียว ควรศึกษาข้อจำกัดของมันให้เข้าใจ และใช้มันร่วมกับการวิเคราะห์ปัจจัยอื่นๆ เช่น NPV, IRR และตัวชี้วัดทางการเงินอื่นๆ เพื่อให้ได้การตัดสินใจลงทุนที่สมเหตุสมผลและเหมาะสมสำหรับสถานการณ์ของคุณ การทำความเข้าใจอย่างลึกซึ้งเกี่ยวกับ WACC meaning จะช่วยให้คุณเป็นนักลงทุนที่ชาญฉลาดและระมัดระวังมากขึ้น

Посмотреть Оригинал
На этой странице может содержаться сторонний контент, который предоставляется исключительно в информационных целях (не в качестве заявлений/гарантий) и не должен рассматриваться как поддержка взглядов компании Gate или как финансовый или профессиональный совет. Подробности смотрите в разделе «Отказ от ответственности» .
  • Награда
  • комментарий
  • Репост
  • Поделиться
комментарий
0/400
Нет комментариев
  • Закрепить