Por que os investidores precisam entender a relação entre a procura e o preço dos bens

เมื่อพูดถึงการลงทุนในตลาดหลักทรัพย์ คำว่า “อุปสงค์” และ “อุปทาน” มักปรากฏขึ้นเป็นประจำ แต่นักลงทุนหลายคนอาจยังไม่เข้าใจว่าแนวคิดเศรษฐศาสตร์พื้นฐานนี้สามารถใช้ประโยชน์ได้อย่างไรในการคาดการณ์ราคาหุ้นและการตัดสินใจลงทุน

ความสัมพันธ์ระหว่างอุปสงค์กับราคาสินค้าจะมีลักษณะอย่างไร การศึกษาเรื่องนี้ไม่เพียงแต่ช่วยให้เข้าใจกลไกการทำงานของตลาด แต่ยังนำไปสู่การพัฒนากลยุทธ์การเทรดที่มีประสิทธิภาพมากขึ้น

ขั้นแรก: ทำความเข้าใจสมการง่ายๆ ของตลาด

ทุกครั้งที่ราคาหุ้นเปลี่ยนแปลง ไม่ว่าจะขึ้นหรือลง ปกติมีสองกองกำลังกำลังสู้รบอยู่ในเบื้องหลัง: กองกำลังของผู้ซื้อ (อุปสงค์) และกองกำลังของผู้ขาย (อุปทาน)

อุปสงค์ คือปริมาณสินค้าที่ผู้ซื้อต้องการที่ระดับราคาต่างๆ เมื่อเขียนเป็นกราฟ ความสัมพันธ์ระหว่างปริมาณและราคาจะแสดงเป็นเส้นโค้ง (Demand Curve) ที่มีทิศทางชันลงจากซ้ายไปขวา ซึ่งสะท้อนถึงกฎพื้นฐาน: เมื่อราคาสูง ผู้คนต้องการซื้อน้อย เมื่อราคาต่ำ ผู้คนต้องการซื้อมาก

อุปทาน ตรงข้ามกัน คือปริมาณสินค้าที่ผู้ขายเต็มใจจะเสนอขายที่ระดับราคาต่างๆ เส้นอุปทาน (Supply Curve) ชันขึ้นจากซ้ายไปขวา บ่งชี้ว่า: เมื่อราคาสูง ผู้ขายต้องการขายมาก เมื่อราคาต่ำ ผู้ขายต้องการขายน้อย

ขั้นที่สอง: ค้นหาจุดดุลยภาพ (Equilibrium Point)

จุดสำคัญที่สุดเกิดขึ้นเมื่อเส้นอุปสงค์และเส้นอุปทานตัดกัน ที่จุดนี้เรียกว่า “ดุลยภาพ” ราคาและปริมาณที่เกิดขึ้นจะมีความเสถียร

ทำไมถึงเสถียร? เพราะหากราคาเพิ่มขึ้นจากดุลยภาพ:

  • ผู้ขายอยากขายมากขึ้น
  • ผู้ซื้ออยากซื้อน้อยลง
  • เกิดส่วนเกินของสินค้าในตลาด
  • ราคาถูกบังคับให้ลงมาเพื่อขายสินค้าส่วนที่เหลือ

ในทางตรงกันข้าม หากราคาลดลงจากดุลยภาพ:

  • ผู้ซื้ออยากซื้อมากขึ้น
  • ผู้ขายอยากขายน้อยลง
  • เกิดการขาดแคลนสินค้า
  • ราคาถูกบังคับให้เพิ่มขึ้นเพื่อสมดุลกับความต้องการ

ข้อมูลสำคัญ: ปัจจัยที่ขับเคลื่อนอุปสงค์และอุปทานในตลาดการเงิน

ปัจจัยที่ส่งผลต่ออุปสงค์

สภาพเศรษฐกิจมหาภาค เมื่อเศรษฐกิจขยายตัวและอัตราดอกเบี้ยต่ำ นักลงทุนจะเพิ่มการซื้อหุ้น ส่งผลให้อุปสงค์เพิ่มขึ้น

สภาพคล่อง ปริมาณเงินในระบบที่สูง ทำให้นักลงทุนมีเงินพอที่จะลงทุนเพิ่มมากขึ้น

ความเชื่อมั่น การคาดหมายของนักลงทุนเกี่ยวกับสถานการณ์ในอนาคต ข่าวดีจะดึงดูดความต้องการซื้อ ข่าวเลวจะทำให้ผู้คนต้องการลดการถือครองหุ้น

ปัจจัยที่ส่งผลต่ออุปทาน

นโยบายของบริษัท การเพิ่มทุนเพิ่มปริมาณหุ้น การซื้อคืนหุ้นลดปริมาณหุ้น

การเข้าตลาดใหม่ บริษัทใหม่ที่เข้า IPO นำเพิ่มอุปทานให้ตลาด

กฎระเบียบและการควบคุม เงื่อนไขต่างๆ ของตลาดหลักทรัพย์ส่งผลต่อความสามารถในการเสนอขายหลักทรัพย์

การนำหลักการนี้ไปใช้กับการวิเคราะห์เชิงพื้นฐาน

หุ้นและสินทรัพย์ทางการเงินเป็นสินค้า ดังนั้นจึงสามารถใช้กฎของอุปสงค์และอุปทานได้

เมื่อราคาหุ้นปรับตัวขึ้น นั่นสะท้อนว่ากองกำลังของผู้ซื้อชนะกองกำลังของผู้ขาย ในมุมมองพื้นฐาน นี่มักเป็นเพราะว่า:

  • บริษัทมีแนวโน้มเติบโตดี
  • ผลกำไรคาดว่าจะเพิ่มขึ้น
  • มีข่าวบวกเกี่ยวกับธุรกิจหลัก

ในทางตรงกันข้าม เมื่อราคาปรับตัวลง นั่นแสดงว่าอุปทานหรือแรงขายมีแรง โดยปกติเป็นเพราะการคาดการณ์ที่ออกมาในทางลบหรือข้อกังวลเกี่ยวกับประสิทธิภาพในอนาคต

การวิเคราะห์เชิงเทคนิค: มองอุปสงค์อุปทานผ่านราคาและปริมาณ

1. การศึกษาแท่งเทียน (Candlestick Analysis)

แท่งเทียนสีเขียว (ราคาปิดสูงกว่าราคาเปิด) บ่งชี้ว่าอุปสงค์แรงกว่าอุปทาน ผู้ซื้อสามารถผลักดันราคาให้สูงขึ้น

แท่งเทียนสีแดง (ราคาปิดต่ำกว่าราคาเปิด) บ่งชี้ว่าอุปทานแรงกว่า ผู้ขายกำลังควบคุมตลาด

แท่งเทียน Doji (ราคาเปิดและปิดใกล้เคียงกัน) หมายถึงเพียงสมดุลระหว่างอุปสงค์และอุปทาน ราคาลังเลขณะนี้

2. การติดตามแนวโน้ม (Trend Analysis)

ถ้าราคาสร้างจุดสูงใหม่อย่างต่อเนื่อง นั่นสะท้อนว่าอุปสงค์ยังคงแข็งแรง

ถ้าราคาสร้างจุดต่ำใหม่อย่างต่อเนื่อง นั่นสะท้อนว่าอุปทานครอบงำตลาด

ถ้าราคาเคลื่อนไหวในกรอบแคบๆ โดยไม่ทะลุขึ้นหรือลง แสดงว่าทั้งสองกองกำลังสมดุลกัน

3. การระบุแนวรับและแนวต้าน (Support and Resistance)

แนวรับ คือระดับราคาที่มีอุปสงค์รอซื้ออยู่ นักลงทุนจำนวนหนึ่งเห็นว่าราคาต่ำพอแล้ว และต้องการซื้อ

แนวต้าน คือระดับราคาที่มีอุปทานรอขายอยู่ นักลงทุนพบว่าราคาสูงพอแล้ว และอยากขาย

กลยุทธ์การเทรด Demand Supply Zone

กลยุทธ์ยอดนิยมที่ใช้หลักการนี้คือ Demand Supply Zone ซึ่งมองหาช่วงที่ราคาเสียสมดุลและพยายามหาดุลยภาพใหม่

รูปแบบที่ 1: Demand Zone Drop Base Rally (DBR)

เกิดจากอุปทานส่วนเกิน ทำให้ราคาหล่นลง (Drop) ในมั่นที่แรกซื้อกลับมาแข็งแรง ราคาชะลอและรวมตัวในกรอบ (Base) เมื่อข้อมูลใหม่เข้ามา แรงซื้อชนะ ราคาทะลุกรอบขึ้นและเพิ่มขึ้น (Rally)

นักเทรดสามารถเข้าโพจิชั่นซื้อที่จุดเบรคเอาท์ของกรอบ โดยตั้งจุดตัดขาดทุนต่ำกว่าฐาน

รูปแบบที่ 2: Supply Zone Rally Base Drop (RBD)

เกิดจากอุปสงค์ส่วนเกิน ทำให้ราคาพุ่งขึ้น (Rally) เมื่อแรงขายกลับมาแข็งแรง ราคาชะลอในกรอบ (Base) เมื่อข้อมูลใหม่เข้ามา แรงขายชนะ ราคาทะลุกรอบลงและลดลง (Drop)

นักเทรดสามารถเข้าโพจิชั่นขายที่จุดเบรคเอาท์ของกรอบ โดยตั้งจุดตัดขาดทุนสูงกว่าฐาน

รูปแบบที่ 3: Rally Base Rally (RBR) - ขาขึ้นต่อเนื่อง

หลังจากราคาวิ่งขึ้นแรง (Rally) แรงซื้อเล็น้อยเข้ามา ทำให้ราคารวมตัวในกรอบ (Base) เมื่อข่าวดีใหม่มาถึง แรงซื้อกลับชนะ ราคากลับมาวิ่งขึ้นต่อ (Rally)

นักเทรดสามารถตามซื้อในแนวโน้มขาขึ้นต่อไป

รูปแบบที่ 4: Drop Base Drop (DBD) - ขาลงต่อเนื่อง

หลังจากราคาดิ่งลงแรง (Drop) แรงซื้อเล็กน้อยปรากฏ ทำให้ราคารวมตัวในกรอบ (Base) เมื่อข่าวเลวมาถึง แรงขายกลับชนะ ราคากลับมาดิ่งต่อ (Drop)

นักเทรดสามารถตามขายในแนวโน้มขาลงต่อไป

สรุป: เพราะเหตุใดความเข้าใจนี้จึงสำคัญ

อุปสงค์และอุปทาน ไม่ใช่แค่แนวคิดสำหรับนักเศรษฐศาสตร์เท่านั้น เป็นเครื่องมือที่มีประสิทธิภาพสำหรับนักลงทุนในการเข้าใจกลไกการทำงานของตลาด

ความสัมพันธ์ระหว่างอุปสงค์กับราคาสินค้า ในที่นี้คือหุ้น จะช่วยให้คุณ:

  • คาดการณ์การเคลื่อนไหวของราคาได้แม่นยิ่งขึ้น
  • ระบุจุดเข้าออกที่ดีสำหรับการเทรด
  • เข้าใจว่าเหตุใดราคาจึงขึ้นหรือลง
  • พัฒนากลยุทธ์ที่อิงจากหลักการทางเศรษฐศาสตร์

ในที่สุด ความสำเร็จในการลงทุนขึ้นอยู่กับการเรียนรู้อย่างต่อเนื่องและการลองนำหลักการเหล่านี้ไปทดสอบกับข้อมูลตลาดจริง ยิ่งคุณสังเกตราคาจริงมากขึ้น ยิ่งคุณจะเข้าใจตลาดได้ลึกซึ้งมากขึ้น

Ver original
Esta página pode conter conteúdos de terceiros, que são fornecidos apenas para fins informativos (sem representações/garantias) e não devem ser considerados como uma aprovação dos seus pontos de vista pela Gate, nem como aconselhamento financeiro ou profissional. Consulte a Declaração de exoneração de responsabilidade para obter mais informações.
  • Recompensa
  • Comentar
  • Republicar
  • Partilhar
Comentar
0/400
Nenhum comentário
  • Fixar

Negocie cripto em qualquer lugar e a qualquer hora
qrCode
Digitalizar para transferir a aplicação Gate
Novidades
Português (Portugal)
  • 简体中文
  • English
  • Tiếng Việt
  • 繁體中文
  • Español
  • Русский
  • Français (Afrique)
  • Português (Portugal)
  • Bahasa Indonesia
  • 日本語
  • بالعربية
  • Українська
  • Português (Brasil)