Custos fixos e custos variáveis - Por que as empresas precisam de separar os tipos

ในการบริหารธุรกิจสมัยใหม่ การเข้าใจโครงสร้างต้นทุนเป็นสิ่งที่ไม่อาจพลาดได้ โดยเฉพาะการแยกแบ่งระหว่าง ต้นทุนคงที่ และ ต้นทุนผันแปร ซึ่งมีการทำงานที่แตกต่างกันและส่งผลต่อการตัดสินใจทางการเงินของธุรกิจอย่างมากมาย การรู้จักความแตกต่างระหว่างต้นทุนทั้งสองประเภทนี้ไม่เพียงแต่ช่วยในการวางแผนงบประมาณ แต่ยังช่วยให้ธุรกิจสามารถปรับตัวเพื่อตอบสนองต่อการเปลี่ยนแปลงของตลาดได้อย่างทันท่วงที

ต้นทุนคงที่ (Fixed Cost) - ภาระที่ตามมาเสมอ

ต้นทุนคงที่คือต้นทุนที่เหมือนเงาตามตัว ของธุรกิจไม่ว่าจะมีการผลิตสินค้าหรือไม่ก็ตาม ต้นทุนเหล่านี้จะคงที่ตลอดไป ไม่ว่าปริมาณการผลิตจะเพิ่มขึ้นหรือลดลง ธุรกิจต้องจ่ายเงินเหล่านี้อย่างต่อเนื่อง เพราะเป็นภาระผูกพันของการดำเนินการ

ทำไมต้นทุนคงที่จึงมีความสำคัญ

ต้นทุนคงที่เป็นตัวกำหนดจุดคุ้มทุน (Break-even Point) ของธุรกิจ นั่นคือปริมาณการขายขั้นต่ำที่ธุรกิจต้องบรรลุเพื่อหลีกเลี่ยงการขาดทุน การรู้จักต้นทุนคงที่ช่วยให้ผู้บริหารสามารถกำหนดเป้าหมายการขายและยุทธศาสตร์ราคาได้อย่างมีกลยุทธ์ นอกจากนี้ ยังช่วยในการประเมินความสามารถในการแข่งขันและการอยู่รอดของธุรกิจในระยะยาว

ลักษณะเฉพาะของต้นทุนคงที่

ต้นทุนคงที่มีลักษณะที่น่าสนใจคือ เมื่อปริมาณการผลิตเพิ่มขึ้น ต้นทุนคงที่ต่อหน่วยผลิตภัณฑ์จะลดลง ตัวอย่างเช่น หากธุรกิจมีค่าเช่าที่ 100,000 บาท และผลิต 1,000 หน่วย ต้นทุนคงที่ต่อหน่วยคือ 100 บาท แต่หากผลิต 2,000 หน่วย ต้นทุนคงที่ต่อหน่วยจะเป็น 50 บาท เพียงเท่านั้น

ตัวอย่างต้นทุนคงที่ในทางปฏิบัติ

ต้นทุนคงที่อยู่ทั่วไปในหลากหลายรูปแบบ เช่น:

  • ค่าเช่าอาคารและพื้นที่ทำงาน - จ่ายเป็นประจำทุกเดือนหรือทุกปี โดยไม่คำนึงว่าจะผลิตสินค้าเท่าใด
  • เงินเดือนพนักงานประจำ - คนงานที่รับจ้างตามเวลาเต็มต้องจ่ายเงินเดือนแม้จะไม่มีงานทำ
  • ดอกเบี้ยจากสินเชื่อธุรกิจ - จ่ายเป็นประจำตามสัญญาเงินกู้ โดยไม่เกี่ยวกับผลกำไร
  • ค่าประกันธุรกิจและสินทรัพย์ - ต้องชำระทุกปีเพื่อปกป้องความเสี่ยง
  • ค่าเสื่อมราคาของเครื่องจักร - ค่าลดลงตามเวลา ไม่ว่าจะใช้มากหรือน้อย
  • อัตราดอกเบี้ยจากพันธบัตรหรือหนี้ระยะยาว - ต้องจ่ายให้เจ้าหนี้ตามกำหนด

ต้นทุนผันแปร (Variable Cost) - ตัวแปรที่เปลี่ยนแปลงตามการขาย

ต้นทุนผันแปรคือต้นทุนที่เต้นตามจังหวะการผลิต สูงตอนธุรกิจจำหน่ายมากและต่ำตอนจำหน่ายน้อย ประเภทต้นทุนนี้มีความยืดหยุ่นมากกว่า และเอกลักษณ์หลักคือการเปลี่ยนแปลงตามโดยตรงกับระดับผลผลิต

ความหมายเชิงลึกของต้นทุนผันแปร

ต้นทุนผันแปรสะท้อนให้เห็นถึงประสิทธิภาพของการดำเนินการ เมื่อธุรกิจผลิตมากขึ้น ต้นทุนผันแปรจะสูงขึ้นตามสัดส่วน แต่ด้วยเหตุนี้เอง ธุรกิจจึงมีความสามารถในการควบคุมค่าใช้จ่ายเหล่านี้ได้ดีขึ้น เมื่อยอดขายลดลง ธุรกิจสามารถปรับลดต้นทุนผันแปรได้ทันที

ตัวอย่างต้นทุนผันแปรที่พบเห็นบ่อยที่สุด

  • วัตถุดิบและส่วนประกอบ - ซื้อตามปริมาณการผลิต ยิ่งผลิตมากยิ่งซื้อวัตถุดิบมาก
  • ค่าแรงงานโดยตรง - คนงานที่ทำงานรายชั่วโมงหรือรายงาน ค่าจ้างขึ้นกับปริมาณงาน
  • ค่าพลังงานและน้ำในการผลิต - ไฟฟ้าและน้ำใช้ในสายการผลิต ใช้มากขึ้นตามปริมาณการผลิต
  • ค่าบรรจุภัณฑ์ - ซื้อกล่อง ซองหรือวัสดุห่อหุ้มตามปริมาณสินค้าที่ต้องส่ง
  • ค่าขนส่งและการจัดส่ง - ค่าขมนย้ายสินค้าเพิ่มขึ้นตามปริมาณสินค้า
  • คอมมิชชันการขาย - ทีมขายหรือตัวแทนจำหน่ายได้รับค่าตอบแทนตามปริมาณขาย

ความแตกต่างพื้นฐาน: ต้นทุนคงที่กับต้นทุนผันแปร

การแยกแบ่งต้นทุนให้ชัดเจนเป็นพื้นฐานของการวิเคราะห์ทางการเงิน ต่อไปนี้คือความแตกต่างที่สำคัญ:

ด้าน ต้นทุนคงที่ ต้นทุนผันแปร
ความเสถียร คงที่ไม่เปลี่ยนแปลง เปลี่ยนแปลงตามปริมาณการผลิต
อิทธิพลต่อผลิตภัณฑ์ ไม่ขึ้นกับปริมาณผลิตภัณฑ์ ขึ้นอยู่กับปริมาณผลิตภัณฑ์โดยตรง
ความยืดหยุ่น ยาก/นาน ที่จะปรับเปลี่ยน สามารถปรับเปลี่ยนได้อย่างรวดเร็ว
การวางแผน ใช้ในการประเมินจุดคุ้มทุน ใช้ในการคำนวณอัตรากำไรต่อหน่วย
การตัดสินใจ สำหรับการลงทุนระยะยาว สำหรับการปรับปรุงระยะสั้น

เหตุใดจึงต้องแยกแบ่ง

การแยกแบ่งต้นทุนทั้งสองประเภทช่วยให้ธุรกิจสามารถ:

  • กำหนดราคาขายได้อย่างมีเหตุผล - คำนึงถึงทั้งต้นทุนคงที่ที่ต้องหารเท่าทั้งปริมาณขายและต้นทุนผันแปรต่อหน่วย
  • ประเมินจุดคุ้มทุน - ทราบว่าต้องขายเท่าไรจึงจะไม่ขาดทุน
  • เพิ่มกำไร - ลดต้นทุนผันแปรหรือลดต้นทุนคงที่เพื่อเพิ่มมูลค่ากำไร
  • ตัดสินใจลงทุน - ประเมินว่าการลงทุนในเครื่องจักร (เพิ่มต้นทุนคงที่) จะคุ้มค่าหรือไม่

การวิเคราะห์ต้นทุนผสม - ยุทธศาสตร์สำหรับผู้จัดการ

การวิเคราะห์ต้นทุนผสมเป็นการรวมกำลังของทั้งต้นทุนคงที่และต้นทุนผันแปร เพื่อให้ได้ภาพรวมของต้นทุนทั้งหมดที่ธุรกิจต้องรับภาระ

วิธีการคำนวณต้นทุนรวม

สูตรง่ายคือ: ต้นทุนรวม = ต้นทุนคงที่ + (ต้นทุนผันแปรต่อหน่วย × จำนวนหน่วยที่ผลิต)

ตัวอย่างเช่น หากต้นทุนคงที่เป็น 500,000 บาท และต้นทุนผันแปรต่อหน่วยเป็น 50 บาท และผลิต 10,000 หน่วย: ต้นทุนรวม = 500,000 + (50 × 10,000) = 1,000,000 บาท

การประยุกต์ใช้ในการตัดสินใจ

  • กำหนดราคา - หากต้องการกำไร 30% ราคาขายต่อหน่วยจะเป็น 130 บาท
  • วางแผนการผลิต - ตัดสินใจว่าควรผลิตกี่หน่วยเพื่อให้กำไรสูงสุด
  • ประเมินผลกระทบ - หากตลาดตกตะหลงทำให้ยอดขายลดลง 20% กำไรจะลดลงเท่าใด
  • การลดต้นทุน - ลงทุนในเครื่องจักรอัตโนมัติ (เพิ่มต้นทุนคงที่ 200,000 บาท) จะลดต้นทุนผันแปรต่อหน่วยเป็น 30 บาท คุ้มค่าหรือไม่

ยุทธศาสตร์การจัดการต้นทุนอย่างมีประสิทธิภาพ

สำหรับต้นทุนคงที่

ต้นทุนคงที่ยากต่อการปรับลด แต่สามารถแก้ไขได้ในระยะยาว เช่น:

  • รenegotiate ค่าเช่าหรือลดพื้นที่ทำงาน
  • ลดจำนวนพนักงานประจำ
  • ปรับโครงสร้างหนี้เพื่อลดดอกเบี้ย

สำหรับต้นทุนผันแปร

ต้นทุนผันแปรมีความยืดหยุ่นมากและสามารถปรับปรุงได้ทันที:

  • หาซัพพลายเยอร์วัตถุดิบใหม่ที่ถูกกว่า
  • ปรับปรุงกระบวนการผลิตเพื่อลดการสูญเสีย
  • ปรับระบบขนส่งเพื่อประหยัด
  • เพิ่มการฝึกอบรมเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพแรงงาน

ปัจจัยที่มีผลต่อการตัดสินใจว่าลงทุนหรือไม่

บ่อยครั้งที่ธุรกิจต้องตัดสินใจว่า จะเลือกต้นทุนคงที่ที่สูง (ลงทุนในเครื่องจักรอัตโนมัติ) หรือเลือกต้นทุนผันแปรที่สูง (ใช้แรงงานมนุษย์มากขึ้น) ในการตัดสินใจเช่นนี้ ต้องพิจารณา:

  • ระดับการจำหน่าย - หากยอดขายสูงและมั่นคง ลงทุนในเครื่องจักรอาจคุ้มค่า
  • ความเสถียรของตลาด - หากตลาดไม่แน่นอน เลือกต้นทุนผันแปรจะปลอดภัยกว่า
  • ระยะเวลาการคืนทุน - ติดตามว่ากี่ปีที่เครื่องจักรจะจ่ายให้แก่ตัวเอง
  • ความสามารถทางการเงิน - ธุรกิจมีสภาพคล่องเพียงพอหรือไม่ที่จะลงทุนหลักเท่านั้น

สรุป: ทำไมต้นทุนคงที่และต้นทุนผันแปรจึงสำคัญ

การเข้าใจ ต้นทุนคงที่ และ ต้นทุนผันแปร ตลอดจนความแตกต่างของทั้งสองไม่ใช่เพียงการบัญชีธรรมชาติ แต่เป็นทักษะการจัดการที่พื้นฐาน มันเป็นรากฐานของการวางแผนงบประมาณ การกำหนดราคา การลดต้นทุน และการตัดสินใจลงทุน

ธุรกิจที่เข้าใจต้นทุนได้อย่างลึกซึ้งจะสามารถปรับตัวเร็วตามการเปลี่ยนแปลงของตลาด รักษาความมั่นคงทางการเงิน และสร้างความแข็งแกร่งให้ตัวเองต่อการแข่งขันในระยะยาว ดังนั้น การทำความเข้าใจและการจัดการต้นทุนอย่างมีเหตุผลคือกุญแจสำคัญต่อความสำเร็จทางธุรกิจ

Ver original
Esta página pode conter conteúdos de terceiros, que são fornecidos apenas para fins informativos (sem representações/garantias) e não devem ser considerados como uma aprovação dos seus pontos de vista pela Gate, nem como aconselhamento financeiro ou profissional. Consulte a Declaração de exoneração de responsabilidade para obter mais informações.
  • Recompensa
  • Comentar
  • Republicar
  • Partilhar
Comentar
0/400
Nenhum comentário
  • Fixar

Negocie cripto em qualquer lugar e a qualquer hora
qrCode
Digitalizar para transferir a aplicação Gate
Novidades
Português (Portugal)
  • 简体中文
  • English
  • Tiếng Việt
  • 繁體中文
  • Español
  • Русский
  • Français (Afrique)
  • Português (Portugal)
  • Bahasa Indonesia
  • 日本語
  • بالعربية
  • Українська
  • Português (Brasil)