Esta página pode conter conteúdos de terceiros, que são fornecidos apenas para fins informativos (sem representações/garantias) e não devem ser considerados como uma aprovação dos seus pontos de vista pela Gate, nem como aconselhamento financeiro ou profissional. Consulte a Declaração de exoneração de responsabilidade para obter mais informações.
De que depende a comissão do corretor tailandês? Como escolher para obter benefícios 2568
ค่าธรรมเนียมการซื้อขายเป็นตัวจริงที่กัดกินผลกำไรของนักลงทุน ลดมาก→ได้กำไรเยอะ ลดน้อย→ผลกำไรหด บ่อยครั้งที่นักลงทุนใหม่ไม่ได้ตั้งใจศึกษา ค่าคอมโบรกเกอร์จากแต่ละเจ้า ทำให้จ่ายค่าธรรมเนียมแพงโดยไม่รู้ตัว วันนี้เราจึงทำการวิเคราะห์อย่างจริงจังว่า ค่าคอมโบรกเกอร์ ที่โบรกเกอร์ไทยต่างๆ เรียกเก็บในปี 2568 นั้นกำหนดอย่างไร และท่านลงทุนแบบไหนควรเลือกกับโบรกเกอร์ไหน
ทำไมถึงมี ค่าคอมโบรกเกอร์ และคิดกันอย่างไร
ก่อนอื่น ต้องเข้าใจว่าทำไมโบรกเกอร์ถึงเรียกเก็บค่าธรรมเนียม นักลงทุนไม่อาจเดินไปซื้อหุ้นตรงจากผู้ขายได้เพราะไม่รู้อัตราราคา ไม่รู้ความจริงชอบของสินค้า และไม่มีประมาณการว่าจะเรียบร้อยหรือจ้ำเนิน ทำให้ต้องมีตัวกลางชื่อ “โบรกเกอร์” ช่วยประสานงาน รวบรวมคำสั่งซื้อ เพื่อให้ธุรกรรมเป็นไปด้วยความปลอดภัยและเชื่อถือได้
ตัวกลางนี้ก็ต้องมีรายได้ใช่ไหม พวกเขาจึงเรียกเก็บค่าธรรมเนียมจากมูลค่าการซื้อขาย ซึ่งแต่ละเจ้าก็แต่งตั้งอัตราต่างกัน บางเจ้าต่ำ บางเจ้าสูง บางเจ้ากำหนดค่าขั้นต่ำต่อวัน ส่งผลให้นักลงทุนที่ซื้อขายเงินน้อยจะต้องจ่ายราคาแพงกว่า
ค่าคอมโบรกเกอร์ 2568 แบ่งตามประเภทบัญชี
ประเภทที่ 1: บัญชี Cash Balance
เป็นบัญชีที่ต้องฝากเงินเต็มจำนวนก่อนซื้อหุ้น วงเงินจะเท่ากับเงินที่อยู่ในบัญชี ค่าคอมโบรกเกอร์ที่เรียกเก็บจะต่ำสุดเพราะมีความเสี่ยงน้อย สำหรับการส่งคำสั่งด้วยตัวเองผ่านเน็ต อัตราจะอยู่ที่ประมาณ 0.15% ของมูลค่าซื้อขายต่อวัน
ประเภทที่ 2: บัญชี Cash Account
บัญชีนี้ให้สิทธิ์ซื้อขายในวันเดียวกัน และชำระค่าในวันถัดไป หรือดูเหมือนการใช้วงเงินเหมือนบัตรเครดิต นักลงทุนจึงมีอำนาจซื้อมากกว่าเงินที่มี ค่าธรรมเนียมจึงถูกเรียกเก็บสูงขึ้น อยู่ที่ประมาณ 0.20% ของมูลค่าซื้อขายต่อวัน
เทียบค่าคอมโบรกเกอร์จากโบรกเกอร์ชั้นนำ 2568
1. บัวหลวง (BLS)
2. อินโนเวสท์ เอกซ์ (SCBS)
3. เอสบีไอ ไทย ออนไลน์ (SBITO)
4. กสิกรไทย จำกัด (มหาชน)
5. ลิเบอเรเตอร์ (กรุงศรี)
6. ทิสโก้ จำกัด
7. ธนชาต จำกัด
8. กรุงไทย เอ็กซ์สปริง
9. ยูโอบี เคย์เฮียน
10. ฟิลลิปส์ แคปปิตอล
ซื้อหุ้นน้อย ควรเลือกโบรกเกอร์ไหน
หากนักลงทุนซื้อหุ้นเป็นจำนวนเล็กน้อย เช่น ต่ำกว่า 10,000 บาทต่อครั้ง ค่าขั้นต่ำจึงเป็นปัจจัยสำคัญ โบรกเกอร์ที่ไม่มีค่าขั้นต่ำจึงเป็นทางเลือก ได้แก่ บัวหลวง, อินโนเวสท์ เอกซ์, เอสบีไอ (เฉพาะ Cash Balance), และกรุงไทย เอ็กซ์สปริง
ตัวอย่าง: หากซื้อหุ้นเพียง 5,000 บาท
ซื้อหุ้นมากๆ ควรเลือกโบรกเกอร์ไหน
หากนักลงทุนเป็นเทรดเดอร์ที่ซื้อขายเป็นจำนวนมาก เช่น วันละ 100,000-500,000 บาท ค่าคอมโบรกเกอร์อัตราต่ำจึงสำคัญ เพราะการ ประหยัดเพียง 0.01% ก็อาจหมายถึงความแตกต่างหลักพันบาท
ลิเบอเรเตอร์จึงเป็นตัวเลือกที่ดี เนื่องจากใช้ระบบขั้นบันได ยิ่งซื้อเยอะ อัตราคอมก็ยิ่งลดลง และเอสบีไอ ไทย ออนไลน์ก็ถูกกว่า ที่ 0.075% สำหรับบัญชี Cash Balance
ค่าธรรมเนียมอื่นๆ ที่นักลงทุนต้องรู้
ค่าคอมโบรกเกอร์ที่ระบุมาข้างต้นนั้น ยังไม่รวม:
ดังนั้น ต้นทุนรวมจริงจะสูงกว่าค่าคอมโบรกเกอร์ที่ประกาศไว้
CFD หุ้น: ทางเลือกอื่นที่ต้องรู้
นอกจากหุ้นสดแล้ว นักลงทุนยังสามารถทำกำไรจากราคาหุ้นผ่าน CFD (Contract for Difference) ซึ่งเป็นตราสารอนุพันธ์ที่มีคุณสมบัติคือ:
สำคัญ: เลือกโบรกเกอร์ CFD ที่ได้รับการรับรองจากหน่วยงานกำกับดูแล เช่น ASIC, CySEC, หรือ FSA เพื่อหลีกเลี่ยงความเสี่ยง
เคล็ดลับ: เลือกโบรกเกอร์แบบไหน
ค่าคอมโบรกเกอร์ ปี 2568 นี้ไม่ได้เพียงแค่ลดต้นทุนเท่านั้น แต่ยังเป็นการเลือกบริการและความเชื่อถือได้ด้วย ซื้อหุ้นอย่างฉลาด เลือกโบรกเกอร์ให้เหมาะสม ผลกำไรจึงจะกินไม่ไหว้!