Ações de turismo 2568 Qual delas se destaca? Qual escolher para o tipo certo

ภาคการท่องเที่ยวกำลังเดินหน้าฟื้นตัว หลังจากที่อุตสาหกรรมประสบกับความท้าทายจากสถานการณ์โควิด-19 และการเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมนักท่องเที่ยว ในปี 2568 นี้ หุ้นท่องเที่ยว กลับมาดึงสายตาของนักลงทุนที่มองหาโอกาสสร้างผลตอบแทนระยะยาว ด้วยนโยบายส่งเสริมการท่องเที่ยวของรัฐบาล อุปสงค์ท่องเที่ยวต่างชาติที่กลับมาแรง และแนวโน้มการเดินทางยั่งยืนที่ปรับเปลี่ยนวิธีการบริหารจัดการ ทำให้ หุ้นโรงแรม กลายเป็นกลุ่มที่ควรติดตามสำหรับนักลงทุนตัวจริง

หุ้นโรงแรมไทย: ที่ไหนมีศักยภาพสูง?

MINT – พอร์ตธุรกิจครอบคลุมหลายกลุ่มลูกค้า

บริษัท ไมเนอร์ อินเตอร์เนชั่นแนล มีความหลากหลายในด้านแบรนด์โรงแรม ทั้งเซกเมนต์หรู ระดับกลาง และยุคโนมิกส์ ทำให้สามารถรองรับความต้องการของนักท่องเที่ยวหลายชั้น เมื่อปี 2567 บริษัทรายงานกำไรสุทธิ 7,750.22 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 43.37% เทียบกับปีก่อนที่มีกำไรเพียง 5,407.06 ล้านบาท ปัจจัยขับเคลื่อนมาจากการเติบโตของรายได้ต่อห้องพักต่อคืน (RevPAR) ที่โรงแรมสามารถดึงจากการกลับมาของนักท่องเที่ยวระดับประมาณค่า

AWC – ผู้บุกเบิกอสังหาฯครบวงจร

แอสเสท เวิรด์ คอร์ป มีเสน่ห์ในการเป็นพัฒนาอาคารอสังหาริมทรัพย์ที่เกี่ยวพันกับธุรกิจโรงแรม โรงแรมของบริษัทตั้งอยู่ในทำเลสำคัญของประเทศไทย รองรับกลุ่ม MICE และนักท่องเที่ยวธุรกิจ คาดว่าไตรมาส 1 ของปี 2568 จะเห็นการเติบโตดีตามการปรื้อมตัวของภาคท่องเที่ยว ทั้งจากนโยบายกระตุ้นของรัฐบาลและการปรับตัวของนักท่องเที่ยวต่างชาติที่ยังคง

CENTEL – ผู้นำในการลงทุนขยายตัว

โรงแรมเซ็นทรัลพลาซา ประกาศแผนลงทุน 3 ปีมูลค่า 19,000 ล้านบาท เพื่อลุยขยายสาขา ในปี 2568 คาดว่าจะเปิดโรงแรมใหม่ 9 แห่งทั้งในประเทศและต่างประเทศ พร้อมโครงการปรับปรุงอย่างหรูหรา เช่นการปรับโฉมแบรนด์ลักเซอรี่ของเซ็นทารา ที่หัวหินและกระบี่ ทำให้บริษัทคาดการณ์รายได้ปลายปีสูงถึง 15,000 ล้านบาท ขยายตัว 23% จากปีที่แล้ว

ERW – การกระจายความเสี่ยงผ่านเครือข่ายกว้าง

ดิ เอราวัณ กรุ๊ป มีโรงแรมหลายระดับ ตั้งแต่หรูไปจนถึงระดับกลาง มีเครือข่ายกระจายทั่วประเทศไทย ข้อเด่นคือการได้รับประโยชน์จากการฟื้นตัวของนักท่องเที่ยวภายในประเทศ ในช่วงหลังของปี 2567 อุปสงค์สำหรับห้องประชุม สัมมนา และกิจกรรม MICE ขยับตัวแข็งแกร่ง ตัวชี้วัดนี้คาดว่าจะช่วยสนับสนุนการทำกำไรอย่างต่อเนื่อง

SHR – เล็กแต่เน้นคุณภาพและเงินทุน

เอส โฮเทล แอนด์ รีสอร์ท มีการตั้งตำแหน่งเด่นในแหล่งท่องเที่ยวสำคัญทั้งในประเทศและเทศภูมิใจ เน้นกลุ่มลูกค้าไฮเอนด์ที่มองหาประสบการณ์ความหรูหรา ไตรมาส 4 ของปีที่แล้วแสดงสัญญาณเชิงบวกของการพลิกกำไร โครงการปรับปรุง SAii Laguna Phuket คาดสิ้นสุดเร็วกว่าแผน ในขณะที่โรงแรม SO/Maldives เข้าสู่ซีซั่นท่องเที่ยวสูง

หุ้นโรงแรมต่างประเทศ: มหาอำนาจสัญชาติอเมริกัน

MAR (Marriott International) – เครือข่ายยักษ์ใจกว้าง

แมริออท อินเตอร์เนชั่นแนล ของสหรัฐฯ เป็นอำนาจการบริหารโรงแรมรายใหญ่สุดโลก ด้วยแบรนด์มากมายอย่าง Marriott, Ritz-Carlton และ Sheraton ที่ปิดตาหนึ่งในโลก บริษัทนี้โฟกัสเข้มข้นในเทคโนโลยี และคุณภาพประสบการณ์ผู้เข้าพัก ซึ่งเป็นปัจจัยขับเคลื่อนการเติบโตแบบยั่งยืน โดยมี P/E อยู่ที่ 32.52 เท่า และราคาหุ้น 280 ดอลลาร์สหรัฐ

HLT (Hilton Worldwide Holdings) – แบรนด์อันแข็งแกร่ง

ฮิลตัน เป็นกลุ่มการรับแขกระหว่างประเทศในลักษณะ asset-light model ด้วยการแฟรนไชส์และการบริหารจัดการ มีเครือข่ายเชนโรงแรมทั่วโลก ความพึงพอใจของลูกค้าคะแนนสูง และความยืดหยุ่นในการดำเนินงาน ราคาหุ้น 258 ดอลลาร์สหรัฐ P/E 42.09 เท่า ระบุความเชื่อมั่นของตลาดสำหรับการเติบโต

WH (Wyndham Hotels & Resorts) – ผู้ชำนาญการตลาดกลาง

วินแฮม เป้าหมายตั้งไว้ที่ตลาดโรงแรมประหยัดและระดับกลางที่มีปริมาณมาก มีแบรนด์หลากหลาย และครอบคลุมหลายภูมิภาค การเติบโตมาจากการขยายสาขาใหม่และประสิทธิภาพในการบริหารต้นทุน ราคาหุ้น 104 ดอลลาร์สหรัฐ P/E 29.03 เท่า ทำให้ถูกมองว่ามีมูลค่าสมเหตุสมผล

วิธีคัดเลือกหุ้นท่องเที่ยวให้เหมาะกับตัวเอง

ศึกษาฐานะการเงินของบริษัท

ตรวจสอบประวัติรายได้และกำไรย้อนหลัง เพื่อเฝ้าแนวโน้มการขยายตัว วิเคราะห์อัตรากำไรขั้นต้นและสุทธิเพื่อดูการจัดการต้นทุน ทำความเข้าใจอัตราส่วนหนี้สินต่อทุน และศึกษาปัจจัยต่างๆ เช่น ตัวชี้วัดการเข้าพัก (Occupancy Rate) ราคาเฉลี่ยต่อห้อง (ADR) และรายได้ต่อห้องพักจากการให้เช่า (RevPAR) ซึ่งสิ่งเหล่านี้บ่งบอกถึงสุขภาพของโรงแรมที่แท้จริง

ประเมินการบริหารจัดการและกลยุทธ์

ศึกษาประวัติผู้บริหาร และทำความเข้าใจแผนการขยายตัวระยะปานกลางของบริษัท บริษัทที่มีทีมบริหารมีประสบการณ์และมีกลยุทธ์ชัดเจนมักจัดการฝ่ายการตลาดและการบริหารต้นทุนได้ดีกว่า

วิเคราะห์แนวโน้มอุตสาหกรรม

ติดตามการขึ้นลงของอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวทั้งในท้องถิ่นและระดับโลก พิจารณาปัจจัยที่ส่งผลกระทบต่อภาคการท่องเที่ยว เช่น ภาวะเศรษฐกิจโลก สถานการณ์การเมืองและเรื่องไข้ระบาด ทำเนียบสำคัญสำหรับการลงทุนคือการเข้าใจว่าบริษัทใดอยู่ในตำแหน่งเพื่อได้ประโยชน์สูงสุดจากการกลับมาของนักท่องเที่ยว

คิดถึงความหลากหลาย

บริษัทที่มีโรงแรมหลายประเภทและทำเลตั้งอยู่ในหลายจังหวัดจะมีความเสี่ยงน้อยลง ยกตัวอย่าง ERW ที่มีห้องพักหลากหลายกำลังลงทุนในโรงแรมสำหรับกลุ่มคนทำงาน ท่องเที่ยวทั่วไป ทำให้กระจายผลประกอบการออกไปไม่กระทบต่อสาขาเดียว

สำรวจแบรนด์และชื่อเสียง

โรงแรมที่มีแบรนด์ดีจะกำหนดราคาได้ดีกว่าและมีการทำซ้ำให้บริการลูกค้าสูงกว่า เช่น เซ็นทารา ซึ่งมีชื่อเสียงในการบริหารมาตรฐานสากล หรือ SHR ที่ตำแหน่งตัวเองเป็นตัวเลือกหรูหรา

การลงทุนในหุ้นโรงแรมจากบ้านเมืองไทย: ช่องทางใดบ้าง?

ที่ 1: ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (SET)

นักลงทุนสามารถเปิดบัญชีกับโบรกเกอร์และซื้อขายหุ้นโรงแรมไทยโดยตรง วิธีนี้มีข้อดีคือการซื้อขายรวดเร็วโดยไม่ต้องกังวลอัตราแลกเปลี่ยน และค่าธรรมเนียมต่ำกว่าการลงทุนต่างประเทศ เสียเปรียบคือตัวเลือกหุ้นโรงแรมจำกัด

ที่ 2: กองทุนรวม

ซื้อหน่วยลงทุนในกองทุนที่เน้นหุ้นโรงแรมหรือการท่องเที่ยว ทีมจัดการกองทุนจะทำการคัดเลือกหุ้นให้คุณ ตัวเลือกนี้เหมาะสำหรับผู้ที่ไม่มีเวลาติดตามตลาด แต่มีค่าธรรมเนียมการบริหารจัดการสูงกว่า

ที่ 3: บริการซื้อขายสัญญาแต่ละบัคชั่น

บริการนี้จะให้คุณสามารถเก็งกำไรจากการเปลี่ยนแปลงราคาของหุ้นโรงแรม รวมทั้งหุ้นต่างประเทศ บริการถูกออกแบบมาให้มีความยืดหยุ่นสูง แต่ความเสี่ยงกลับสูงขึ้น

บทสรุป

ปี 2568 จัดว่าเป็นปีที่ หุ้นท่องเที่ยว และ หุ้นโรงแรม ได้ฟื้นตัวสนิท โดยมีปัจจัยสนับสนุนจากการกลับมาแรงของนักท่องเที่ยวต่างชาติ นโยบายส่งเสริมของภาครัฐ และการเปิดไทยต่อการท่องเที่ยวสัมมนาธุรกิจ ทั้งในไทย การเลือกหุ้นโรงแรมไม่ควรมองเพียงการเพิ่มขึ้นของราคา แต่ต้องศึกษาปัจจัยข้างต้นให้อย่างลึกซึ้ง และระวังความเสี่ยงจากเศรษฐกิจโลก ความผันผวนการเมือง และเหตุการณ์สุดขีดที่ยังคงเป็นไปได้