Trang này có thể chứa nội dung của bên thứ ba, được cung cấp chỉ nhằm mục đích thông tin (không phải là tuyên bố/bảo đảm) và không được coi là sự chứng thực cho quan điểm của Gate hoặc là lời khuyên về tài chính hoặc chuyên môn. Xem Tuyên bố từ chối trách nhiệm để biết chi tiết.
FOMC ảnh hưởng như thế nào đến thị trường tiền tệ toàn cầu? Nhà đầu tư cần biết những điều gì
ทุกครั้งที่ FOMC นัดประชุมพัฒนาสินค้า หุ้น ทองคำ และพันธบัตรต่างประเทศก็เข้าสู่สถานะ “ระแวงระวัง” รอวินิจฉัยจากคณะกรรมการนี้ เพราะการตัดสินใจเพียงเล็กน้อยของ FOMC ก็มีศักยภาพปลิดเปิดความผันผวนสุดสะพัด ในตลาดการเงินทั่วโลก บทความนี้เราจะชี้แจงให้เห็นว่า FOMC คืออะไรจริง ๆ และเหตุใดนักลงทุนจึงต้องติดตามการเคลื่อนไหวอย่างเอาใจใส่
ทำไม FOMC จึงมีอิทธิพลกับตลาดการเงิน
FOMC (Federal Open Market Committee) นั่นคือหน่วยงานระดับบริหารของธนาคารกลางสหรัฐ (FED) ที่ประกอบด้วยอนุศาสตร์จำนวน 12 คน ทำหน้าที่กำหนดแนวทางนโยบายการเงินประเทศสหรัฐอเมริกา
ความสำคัญของ FOMC นั่นมาจากบทบาทของมันที่เป็นผู้นำทิศทางอัตราดอกเบี้ยและสภาพคล่องของระบบเงินทั่วประเทศ โดยเฉพาะอย่างยิ่งงบดุลของ FED ที่ถูกควบคุมโดยหน่วยงานนี้ มีมูลค่าถึง 51 ล้านล้านเหรียญสหรัฐ นั่นเท่ากับการบริหารจัดการตลาดเงินสหรัฐที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของโลก
ด้วยเหตุนี้ เมื่อ FOMC ปรับเปลี่ยนนโยบาย จึงต้องส่งแถลงการณ์สู่สาธารณชนเพื่อให้ตลาดสำนักงานปรับตัวอย่างราบรื่น และแม้ว่า FOMC คืออะไรก็ตาม ผลกระทบของมันแสดงออกมาอย่างชัดเจนผ่านการเปลี่ยนแปลงของอัตราดอกเบี้ยและผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาล ซึ่งเป็นเครื่องมือสำคัญในการควบคุมการไหลเวียนเงินในระบบเศรษฐกิจ
เป้าหมายการดำเนินงานของ FOMC
FOMC มีหน้าที่จัดสรรนโยบายการเงินเพื่อให้บรรลุวัตถุประสงค์หลักสองประการ
ประการแรก คือการรักษาเสถียรภาพของระดับราคา โดยติดตามดัชนี Inflation Rate อย่างต่อเนื่อง เพื่อให้เงินเฟ้อไม่พุ่งขึ้นจนเกิดอำนาจซื้อลดลง
ประการที่สอง เป็นการดูแลตลาดการจ้างงาน ซึ่งวัดจากตัวเลข Non-Farm Payroll ของสหรัฐอเมริกา ตัวเลขนี้บอกให้เห็นว่าระบบเศรษฐกิจมีจำนวนการจ้างงานใหม่เพียงไหนในแต่ละเดือน
ทั้งสองเป้าหมายนี้มีความเชื่อมโยงกัน เพราะเมื่ออัตราการจ้างงานสูง บ่อยครั้งจะนำมาซึ่งความมีตัวตนของค่าใช้จ่ายและเงินเฟ้อที่สูงตามมา ดังนั้น FOMC ต้องทรงตัวระหว่างการปรับเปลี่ยนนโยบายให้เอื้อต่ออัตราการจ้างงานและการควบคุมเงินเฟ้อ ไปในเวลาเดียวกัน
คณะกรรมการ FOMC ประกอบด้วยใครบ้าง
การกำหนดนโยบายของ FOMC ขึ้นอยู่กับข้อมูลและการวิจารณญาณของสมาชิกคณะทำงานแต่ละคน ทำให้การทำความเข้าใจแนวคิดของสมาชิกเป็นสิ่งที่สำคัญ
FOMC มีสมาชิกทั้งสิ้น 12 คน ประกอบด้วย 7 คนจากบอร์ดบริหารของธนาคารกลางสหรัฐ ประธาน Fed สาขานิวยอร์ค และสมาชิก 4 คนเลือกสรร จากสาขา FED อื่น ๆ ที่เหลือ ในแต่ละรอบประชุม สมาชิกจะดำรงตำแหน่งปีละครั้ง และสลับให้บุคคลอื่นมาทำการหน้าที่
ณ ปี 2023 คณะกรรมการ FOMC มีประธาน Jerome H. Powell เป็นหัวหน้า รองประธาน John C. Williams จาก Fed สาขานิวยอร์ค และสมาชิกจำนวน 10 คนอื่น ๆ ที่มีมาจากบอร์ดบริหารและสาขา FED ต่าง ๆ ทั่วทั้งประเทศ
อย่างไรก็ตาม ตัวตนของสมาชิกเพียงอย่างเดียวไม่ใช่สิ่งที่นักลงทุนต้องจดจำ หากแต่เป็นแนวทางอุดมการณ์และเจตจำนงในการตัดสินใจของแต่ละคน ซึ่งจะสะท้อนออกมาในการลงคะแนนและแถลงการณ์ของพวกเขา
การประชุม FOMC จัดขึ้นบ่อยแค่ไหนและใช้เวลานานเท่าใด
FOMC นัดประชุมปีละ 8 ครั้ง ซึ่งแยกออกมาเป็นประมาณทุก ๆ หกสัปดาห์ครึ่ง เพื่อประเมินผลการบริหารนโยบายอย่างสม่ำเสมอและจับตาข้อมูลเศรษฐกิจใหม่ ๆ
การประชุมแต่ละครั้งจะเนื้อที่ 2 วัน และเมื่อสิ้นสุดการประชุมในวันที่สองจะมีการเปิดแถลงการณ์ผลสรุป โดยปกติเวลาประมาณ 14.00 น. ตามเวลาท้องถิ่นสหรัฐ หรือประมาณ 02.00 น. เวลาประเทศไทย
สำหรับปี 2024 ตัวอักษรการประชุม FOMC ของปีนี้จัดขึ้นในช่วงเวลาดังต่อไปนี้ ตั้งแต่วันที่ 30-31 มกราคม ไปจนถึง 17-18 ธันวาคม โดยแยกเป็น 8 ครั้ง ซึ่งนักลงทุนสามารถทำการตั้งเตือนไว้ล่วงหน้าเพื่อติดตามประกาศผล
เครื่องมือกำหนดนโยบายการเงินของ FOMC
FOMC ใช้ Open Market Operations (OMOs) เป็นวิธีการประเทศหลักในการดำเนินนโยบาย โดยมีหลากหลายวิธีการที่สามารถปฏิบัติได้
การซื้อพันธบัตรรัฐบาล เป็นการเพิ่มเงินสดเข้าไปในระบบหลักการดำเนินการนี้เรียกว่า Quantitative Easing (QE) นโยบายนี้มักนำมาใช้ในช่วงที่ต้องการกระตุ้นเศรษฐกิจและส่งเสริมการจ้างงาน อย่างไรก็ตาม ผลข้างเคียงที่ต้องระวังคือการพุ่งสูงของเงินเฟ้อและการขยายตัวของงบดุล FED
การขายพันธบัตรรัฐบาล ในทางตรงกันข้าม เป็นการดึงเงินสดออกจากระบบ นโยบายนี้ใช้เพื่อระบายความร้อนแรงของเศรษฐกิจและหยุดยั้งอัตราเงินเฟ้อที่พุ่งสูง ผลลัพธ์คือเงินเฟ้อถดถอยและงบดุล FED หดตัวลง
การปรับเปลี่ยนอัตราดอกเบี้ย Fed Fund Rate (FFR) ถือเป็นเครื่องมือที่มีผลกระทบกว้างขวางที่สุด FFR คือ อัตราดอกเบี้ยข้ามคืนที่ธนาคารและสถาบันการเงินต่าง ๆ ใช้ในการกู้ยืมเงินระหว่างกัน หรือจากธนาคารกลาง เมื่อ FFR ถูกยกสูงขึ้น สถาบันการเงินจะมีค่าใช้จ่ายในการกู้เงินเพิ่มขึ้น ส่งผลให้มีเงินเข้าสู่ระบบเศรษฐกิจน้อยลง ในทางกลับกัน เมื่อ FFR ลดลง การกู้เงินจะถูกลงและมีเงินไหลวนในระบบมากขึ้น
ผ่านเครื่องมือทั้งสามตัวนี้ FOMC สามารถปรับเสถียรภาพของระบบการเงิน ควบคุมสภาพคล่อง และส่งเสริมการเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจและการจ้างงาน
การอ่าน Dot Plot เพื่อเข้าใจแนวโน้มอนาคต
นอกเหนือจากการประกาศการตัดสินใจ FOMC แล้ว สิ่งที่นักลงทุนต้องสังเกตเพิ่มเติมคือ Dot Plot ซึ่งเป็นแผนภาพแบบจุดที่ปล่อยออกมาพร้อมกับรายงานการประชุม FOMC แต่ละครั้ง
Dot Plot นั้นแสดงมุมมองของสมาชิกแต่ละคนเกี่ยวกับแนวโน้มของอัตราดอกเบี้ยในการประชุมครั้งต่อ ๆ ไป แต่ละจุดบนกราฟสอดคล้องกับการคาดการณ์ของสมาชิกท่านหนึ่ง และการแยกตัวของจุดต่าง ๆ บอกให้เห็นว่าสมาชิกมีทัศนะต่างกันแค่ไหน
การสังเกตการเปลี่ยนแปลงของ Dot Plot จากการประชุมหนึ่งไปยังอีกการประชุมหนึ่งช่วยให้นักลงทุนคาดการณ์ทิศทางการปรับเปลี่ยนนโยบายของ FOMC ในอนาคต ไม่ว่า FOMC คืออะไร ลักษณะการตัดสินใจจะสะท้อนออกมาผ่าน Dot Plot อย่างชัดเจน
FOMC คืออะไร ประเมินแล้วรู้ด้วย
บทสรุปจากการอธิบายข้างต้นชี้ให้เห็นว่า FOMC เป็นอีกชื่อของหน่วยสั่งบุคลากรสูงสุดด้านนโยบายการเงินของสหรัฐอเมริกา ถ้าเทียบเคียงเทียบกับประเทศไทย บทบาทของ FOMC ก็คล้ายคลึงกับ คณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) ของธนาคารแห่งประเทศไทย ซึ่งสั่งการเก็บตกนโยบายการเงินเป็นงวด ๆ
นโยบายอันถูกเนิ่นโดย FOMC ไม่ได้ส่งผลกระทบเฉพาะเศรษฐกิจสหรัฐเท่านั้น หากแต่ส่งผลกระทบต่อตลาดการเงินโลกอย่างกว้างขวาง ผ่านทางการเปลี่ยนแปลงอัตราดอกเบี้ยและการควบคุมสภาพคล่องในตลาดเงินระหว่างประเทศ ทำให้นักลงทุนไม่ว่าจะลงทุนในสินทรัพย์ใด หรืออยู่ในตลาดเงินใดก็ตาม ล้วนแต่จำเป็นต้องจับตามองการเคลื่อนไหวของ FOMC อย่างใกล้ชิด เพื่อแหล่งเก็บการตัดสินใจลงทุนได้อย่างปลอดภัยและคุ้มค่า