Persiapkan portofolio investasi menyambut tahun 2569: Dana bersama luar negeri dan dalam negeri yang harus diikuti

ปี 2569 เป็นช่วงเวลาที่มีความผันผวนไม่น้อยสำหรับตลาดโลก เมื่อเศรษฐกิจต่างประเทศเผชิญกับความไม่แน่นอนทางการค้า แต่ก็เป็นจังหวะที่นักลงทุนแกล่วสามารถหาโอกาสทองได้ ผ่านเครื่องมือที่ถูกมองข้ามไปมาก—นั่นคือการจัดพอร์ตโดยใช้กองทุนรวม

เทรนด์เศรษฐกิจปี 2569 และความเชื่อมโยงของมหาวิทยาลัย

แนวโน้มเศรษฐกิจในปี 2569 นั้นสามารถสรุปได้ว่า “ตั้งรับแบบยืดหยุ่น” การฟื้นตัวจะไม่เรียบ แต่มีการปรับตัวที่ค่อยเป็นค่อยไปตั้งแต่ต้นปี เมื่อสินค้าโภคนำ้อยไปค่อยสม่ำเสมออีกครั้ง สิ่งที่ขับเคลื่อนตลาดจริงๆ คือ AI ซึ่งไม่ใช่เทคโนโลยีที่ลอยๆ ในโลกของ Big Tech เพียงอย่างเดียว แต่เป็นดุมของห่วงโซ่อุปทานทั้งหมด

ความต้องการกำลังคำนวณขนาดมหาศาลสำหรับ AI ทำให้พลังงานกลายเป็นคอขวด ผลก็คือความต้องการในด้านพลังงานสะอาด อุตสาหกรรมฮาร์ดแวร์ และเทคโนโลยีการแพทย์ (ซึ่งใช้ประโยชน์จาก AI มหาศาลเช่นกัน) เพิ่มขึ้นอย่างมาก

ทำไมต้องรู้เรื่องกองทุนรวม ถึงสำคัญจริงๆ หรือ

ถ้าคุณเคยสงสัยว่า “ลงทุนไหนดี” คำตอบเรียบง่ายคือ: ลงทุนในสินทรัพย์หลากหลายประเภทพร้อมกัน แต่ปัญหามาถึงแล้ว—ต้องลงทุนเท่าไหร่? ต้องคัดเลือกอะไร? ต้องติดตามทุกวัน?

นี่คือที่ที่ กองทุนรวม เข้ามาช่วยเหลือ

อธิบายแบบง่ายที่สุด: นักลงทุนกลุ่มหนึ่ง (อาจจำนวนนับพัน) นำเงินมารวมกันเป็นกองเงินยักษ์ แล้วจ้างผู้เชี่ยวชาญ (เรียกว่า “ผู้จัดการกองทุน”) ที่ทำงานให้บริษัทหลักทรัพย์ (บลจ.) มาบริหารจัดการเงินนั้นแทน

เมื่อคุณลงทุน เงินของคุณจะถูกแปลงเป็น หน่วยลงทุน ซึ่งมูลค่าจะวัดจาก NAV (Net Asset Value หรือมูลค่าทรัพย์สินสุทธิ) ตัวเลขนี้คำนวณและประกาศทุกวันทำการ สะท้อนให้เห็นว่าสินทรัพย์ทั้งหมดของกองทุนนั้นมีมูลค่าเท่าไหร่ยลักษณ์เชิงสภาพ

ดังนั้น ถ้า NAV ปรับตัวสูงขึ้น เงินคุณก็จะเพิ่มขึ้นตามไปด้วย

กองทุนรวมเหมาะกับใคร กระจายความเสี่ยงหรือเพิ่มศักยภาพ

นักลงทุนที่เพิ่งเริ่ม: ถ้าคุณไม่รู้ว่าจะคัดเลือกหุ้นตัวไหน การมี “ที่ปรึกษา” ดูแลให้ลบความวิตกกังวล

คนทำงานไม่มีเวลา: ไม่ต้องไปอ่านข่าวเศรษฐกิจหรือติดตามราคาตลาดอย่างบ้าคลั่ง ผู้จัดการกองทุนทำหน้าที่นั้นให้ครบแล้ว

ผู้ที่ต้องการกระจายเงิน: หลักลงทุนสำคัญ “อย่าใส่ไข่ทั้งหมดในตะกร้าเดียว” สามารถทำได้ผ่านกองทุนเดียว แล้ว

ต้องการสิทธิประโยชน์ภาษี: บางกองทุน (SSF, RMF, ThaiESG) ให้สิทธิในการลดหย่อนภาษี ตามเงื่อนไขที่กำหนด

เพราะขนาดเงินทุนยักษ์ ผู้จัดการกองทุนมีอำนาจต่อรองที่นักลงทุนรายย่อยไม่มี เช่น การเข้าซื้อหุ้น IPO เก็งกำไรสูง หรือหุ้นกู้ภาคเอกชนที่เสนอแบบเงียบๆ ในวงจำกัด

ประเภทกองทุนรวมต่างประเทศ: เปิดประตูสู่โลกลงทุน

แบบแรกที่นักลงทุนควรรู้ คือกองทุนรวมต่างประเทศ ซึ่งสามารถแบ่งออกเป็นหลายหมวดหมู่

กองทุนรวมต่างประเทศตามประเภทสินทรัพย์

กองทุนหุ้นต่างประเทศทั่วไป: ลงทุนในหุ้นจากประเทศต่างๆ—สหรัฐฯ สหรัฐยุโรป จีน เวียดนาม ซึ่งช่วยให้คุณเข้าถึงเศรษฐกิจระดับโลกที่ราคาคุ้มค่า โดยไม่ต้องเปิดบัญชี forex

กองทุนเทคโนโลยี: ลุ่มน้ำเทคโนโลยี AI โดยเฉพาะตอนนี้ดึงดูดนักลงทุนทั่วโลก บริษัทต่างๆ ที่ได้ประโยชน์จากการปฏิวัติ AI ถูกมองว่ามีโอกาสเติบโตแบบก้าวกระโดด

กองทุนสิ่งแวดล้อมและพลังงาน: เมื่อ AI กินไฟมากเท่ากับเมืองเล็กๆ หนึ่ง ความต้องการพลังงานสะอาดจึงเด่นชัดเช่นไม่เคยมีมา ทำให้กองทุน ESG และ Climate Tech กลายเป็นประตูเข้าสู่อนาคต

กองทุนด้านสุขภาพ: สตาร์ทอัพด้านการแพทย์ บริษัทประกัน และผู้ผลิตอุปกรณ์ทางการแพทย์ยังคงเป็นที่ต้องการ ถึงแม้ว่าตลาดจะผันผวนก็ตาม

กองทุนเน้นหมวดอุตสาหกรรม

Sector Funds: ลงทุนกระจุกตัวในอุตสาหกรรมเดียว เช่น เทคโนโลยี พลังงาน หรือการเงิน ความเสี่ยงสูงมาก แต่หากทำนายถูกทิศทางของอุตสาหกรรมนั้น ผลตอบแทนก็อาจเด็ดสะบึง

กองทุนรวมในประเทศ: มั่นคงสม่ำเสมอ และไม่มีความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยน

กองทุนหุ้นไทยปันผล

ในช่วงที่ตลาดมีความไม่แน่นอน หุ้นไทยที่จ่ายปันผลสูงและสม่ำเสมอเป็นเหมือนหลุมหลบภัย คุณไม่ได้รอให้ราคาหุ้นพุ่งขึ้นเพื่อทำกำไร แต่ได้รับเงินสดปันผลเป็นประจำเพื่อปลอบใจตัวเองในตลาดที่ยังไม่สดใส

กองทุนตราสารหนี้ระยะสั้น

สำหรับผู้ที่ไม่อยากริสก์ เงินฝากหรือพันธบัตรภาครัฐใจเย็น ๆ เป็นทางเลือก

กองทุนผสมแบบยืดหยุ่น

กองทุนที่ปรับเปลี่ยนสัดส่วนหุ้น-พันธบัตร ตามสภาวะตลาด เหมาะกับคนที่ไม่รู้จะเลือก “ตัวไหนดี” แล้วปล่อยให้ผู้เชี่ยวชาญตัดสินใจแทน

กองทุนรวม ESG และธีมสถิติต่อเนื่อง: ลงทุนที่มีใจส่วน

การออกแบบกองทุน ESG หรือกองทุนที่เน้นธีมอื่นๆ (เช่น Healthcare, Climate Tech) เสือบหาใจนักลงทุนสมัยใหม่ ที่อยากให้เงินของตนทำงานเพื่อวัตถุประสงค์ที่สนใจ และในขณะเดียวกันก็ยังหวังผลตอบแทนที่ดี

วิธีคัดเลือกกองทุนรวม: ระบบการคิด 3 ขั้นตอน

ขั้นที่ 1: รู้จักตัวเองก่อน

เป้าหมายลงทุน: คุณลงทุนเพื่ออะไร เกษียณอายุ 30 ปี? ซื้อรถใน 5 ปี? การศึกษาลูก? สิ่งนี้กำหนดทุกสิ่งทั้งสิ้น

ระยะเวลาการถือครอง: ยิ่งนานยิ่งรับความเสี่ยงได้สูง

ความทนทานต่อความเสี่ยง: นอนหลับได้สนิทไหม ถ้าพอร์ตลดลง 10-20% ไปชั่วขณะ

ขั้นที่ 2: ศึกษานโยบายกองทุน

อ่าน Fact Sheet ของกองทุน ดูว่าลงทุนในสินทรัพย์ไหน ประเทศไหน กลยุทธ์แบบ Active หรือ Passive

ขั้นที่ 3: เปรียบเทียบเชิงลึก

ผลการดำเนินงานย้อนหลัง: ดูความสอดคล้องกับดัชนีอ้างอิง แต่อย่าลืม—ผลอดีตไม่รับประกันอนาคต

Maximum Drawdown: ตัวเลขนี้บอกว่ากองทุนเคยขาดทุน “สูงสุด” เท่าไหร่ คุณรับได้หรือไม่

Sharpe Ratio: วัดความคุ้มค่าในการลงทุน (ผลตอบแทนเทียบกับความเสี่ยง)

ค่าธรรมเนียม: Total Expense Ratio (TER) ต่ำสุด แม้ดูเป็น 1-2% แต่ 20-30 ปีข้างหน้าจะสะสมเป็นตัวเลขใหญ่

10 กองทุนรวมที่ควรติดตามปี 2569

กลุ่มหุ้นไทยปันผล

1. กองทุนเปิดไทยพาณิชย์หุ้นทุนปันผล (SCBDV)

  • บริหารโดย: SCBAM
  • ลงทุนใน: หุ้นไทยขนาดใหญ่ SET ที่มีพื้นฐานแข็งแกร่ง พลังงาน ค้าปลีก ธนาคาร
  • ระดับเสี่ยง: 6 (สูง)
  • เหมาะสำหรับ: ผู้ต้องการกระแสเงินสดระหว่างลงทุน

2. กองทุนเปิดกรุงศรีหุ้นปันผล (KFSDIV)

  • บริหารโดย: KSAM
  • ลงทุนใน: หุ้นปันผลทั้งขนาดใหญ่ กลาง และเล็ก เพื่อสมดุลระหว่างเงินสดและการเติบโต
  • ระดับเสี่ยง: 6 (สูง)
  • เหมาะสำหรับ: ผู้ต้องการหุ่นยนต์ที่ปรับเปลี่ยนได้มากกว่า

กลุ่มกองทุนรวมต่างประเทศ—เน้นเทคโนโลยี

3. กองทุนเปิดเคแทม เวิลด์ เทคโนโลยี อาร์ทิฟิเชียล อินเทลลิเจนซ์ อิควิตี้ (KT-WTAI-A)

  • บริหารโดย: KTAM
  • ลงทุนใน: บริษัท AI ทั่วโลกผ่านกองทุนหลัก Allianz Global Artificial Intelligence
  • ระดับเสี่ยง: 6-7 (สูงมาก)
  • เหมาะสำหรับ: ผู้เชื่อมั่น AI และรับความเสี่ยงได้สูง

4. กองทุนเปิดบัวหลวงโกลบอลอินโนเวชั่นและเทคโนโลยี (B-INNOTECH)

  • บริหารโดย: BBLAM
  • ลงทุนใน: บริษัทเทคโนโลยี Cloud, E-commerce, Fintech ผ่าน Fidelity
  • ระดับเสี่ยง: 7 (สูงมาก)
  • เหมาะสำหรับ: ผู้ต้องการเติบโตไปกับยุคดิจิทัล

5. กองทุนเปิดพรินซิเพิล เวียดนาม อิควิตี้ A (PRINCIPAL VNEQ-A)

  • บริหารโดย: Principal Asset Management
  • ลงทุนใน: หุ้นเวียดนามที่มีศักยภาพเติบโตสูง—ธนาคาร ค้าปลีก เทคโนโลยี
  • ระดับเสี่ยง: 6 (สูง)
  • เหมาะสำหรับ: ผู้ต้องการโอกาส Emerging Market

กลุ่มตราสารหนี้—เพื่อความมั่นคง

6. กองทุนเปิดกรุงไทยตราสารหนี้ระยะสั้น พลัส (KTSTPLUS-A)

  • บริหารโดย: KTAM
  • ลงทุนใน: ตราสารหนี้ เงินฝากคุณภาพดี อายุเฉลี่ยไม่เกิน 1 ปี
  • ระดับเสี่ยง: 4 (ปานกลางต่ำ)
  • เหมาะสำหรับ: ผู้รับความเสี่ยงต่ำ พักเงินระยะสั้น

กลุ่มกองทุนผสม—ยืดหยุ่น

7. กองทุนเปิด ทิสโก้ เฟล็กซิเบิ้ล พลัส (TISCOFLEXP)

  • บริหารโดย: TISCO Asset Management
  • ลงทุนใน: หุ้น ตราสารหนี้ ทรัพย์สินอื่น—ปรับได้ 0-100% ตามสภาวะ
  • ระดับเสี่ยง: 6 (สูง)
  • เหมาะสำหรับ: ผู้เชื่อมั่นในผู้จัดการกองทุน

กลุ่มกองทุนรวมต่างประเทศ—ธีมสถิติต่อเนื่อง

8. กองทุนเปิดกรุงศรี ESG Climate Tech (KFCLIMA-A)

  • บริหารโดย: KSAM
  • ลงทุนใน: บริษัท Climate Tech ทั่วโลก—พลังงานสะอาด ยานไฟฟ้า ประหยัดพลังงาน
  • ระดับเสี่ยง: 6 (สูง)
  • เหมาะสำหรับ: ผู้ต้องการลงทุนในความยั่งยืน

9. กองทุนเปิดเค โกลบอล เฮลท์แคร์ (K-GHEALTH)

  • บริหารโดย: KAsset
  • ลงทุนใน: บริษัทสุขภาพ ยา อุปกรณ์การแพทย์ ผ่าน JPMorgan
  • ระดับเสี่ยง: 7 (สูงมาก)
  • เหมาะสำหรับ: ผู้ต้องการการเติบโตที่มั่นคง

กลุ่มหุ้นไทย—ยั่งยืน

10. กองทุนเปิด แอสเซทพลัส หุ้นไทยยั่งยืน (ASP-THAIESG)

  • บริหารโดย: Asset Plus Fund Management
  • ลงทุนใน: หุ้นไทยที่โดดเด่นด้าน ESG ตามรายชื่อ SET ESG Rating
  • ระดับเสี่ยง: 6 (สูง)
  • เหมาะสำหรับ: ผู้ต้องการ ThaiESG มีสิทธิประโยชน์ภาษี

ข้อดีและข้อเสียของการลงทุนในกองทุนรวม

ข้อดี

กระจายความเสี่ยง: ด้วยเงินจำนวนน้อย คุณได้สินทรัพย์หลากหลาย

มีผู้เชี่ยวชาญ: ไม่ต้องวิเคราะห์หุ้นเอง

สภาพคล่องสูง: ซื้อขายได้ทุกวันทำการ

เงินลงทุนน้อย: บางกองทุนเริ่มได้ที่ร้อยบาท

ความหลากหลาย: เน้นเสี่ยงต่ำถึงสูงให้เลือก

ข้อเสีย

ค่าธรรมเนียม: หักออกจากผลตอบแทน ในระยะยาวสะสมเป็นตัวเลขโตโคลน

ไม่สามารถควบคุมโดยตรง: นักลงทุนไม่ได้เลือกหุ้นรายตัว

ความเสี่ยงจากผู้จัดการ: ถ้าตัดสินใจผิด ผลตอบแทนจะต่ำ

ภาษีปันผล: ต้องหัก 10% ณ ที่จ่าย

ค่าธรรมเนียมกองทุนรวม: เรื่องราวที่ซ่อนอยู่

ค่าธรรมเนียมที่เห็นชัด

ค่าธรรมเนียมซื้อ: เมื่อคุณเข้าลงทุน เช่น 1.5% เมื่อลงทุน 10,000 บาท เงินเข้าจริงเป็น 9,850 บาท

ค่าธรรมเนียมขาย: เมื่อคุณออก (ไม่ค่อยใช้แล้ว)

ค่าธรรมเนียมสับเปลี่ยน: ย้ายจากกองทุนหนึ่งไปอีกกองทุนภายใต้ บลจ. เดียวกัน

ค่าธรรมเนียมที่ซ่อนอยู่ใน NAV

ค่าธรรมเนียมเหล่านี้หักออกทุกวัน ทำให้คุณไม่รู้สึก แต่ส่งผลต่อผลตอบแทนจริง

ค่าธรรมเนียมจัดการ: เงินเดือนประจำของผู้จัดการ

ค่าผู้ดูแลผลประโยชน์: ธนาคารจะมาคุมกองทุน

ค่านายทะเบียน: ดูแลข้อมูลผู้ถือหน่วย

ค่าทั้งหมดนี้รวมกันเป็น Total Expense Ratio (TER)

ดูเหมือน 1-2% ไม่มากนัก แต่ 20-30 ปี ส่วนต่าง 1% ระหว่างกองทุน A (TER 2.5%) กับ B (TER 1.5%) อาจสร้างตัวเลขที่แตกต่างกันหลายสิบเปอร์เซ็นต์ในมูลค่าเงินลงทุนสุดท้าย

สรุป: เดินทางสู่ความมั่งคั่ง

กองทุนรวม ทั้งกองทุนรวมต่างประเทศและภายในประเทศ นั้นพิสูจน์ตัวเองแล้วว่าเป็นเครื่องมือที่เข้าถึงง่ายและมีประสิทธิภาพ สำหรับปี 2569 ที่เต็มไปด้วยความท้าทายและโอกาส การจัดพอร์ตที่สมดุลระหว่างหุ้นไทยปันผล กองทุนต่างประเทศแบบธีม และตราสารหนี้จะช่วยให้คุณเสถียร และเติบโตพร้อมกัน

การลงทุนมีความเสี่ยง ดังนั้นลงทุนตามสภาพแต่งตัวของตัวเอง และจำไว้—การลงทุนระยะยาวคือกุญแจความสำเร็จ

ESG-5.78%
Lihat Asli
Halaman ini mungkin berisi konten pihak ketiga, yang disediakan untuk tujuan informasi saja (bukan pernyataan/jaminan) dan tidak boleh dianggap sebagai dukungan terhadap pandangannya oleh Gate, atau sebagai nasihat keuangan atau profesional. Lihat Penafian untuk detailnya.
  • Hadiah
  • Komentar
  • Posting ulang
  • Bagikan
Komentar
0/400
Tidak ada komentar
  • Sematkan

Perdagangkan Kripto Di Mana Saja Kapan Saja
qrCode
Pindai untuk mengunduh aplikasi Gate
Komunitas
Bahasa Indonesia
  • 简体中文
  • English
  • Tiếng Việt
  • 繁體中文
  • Español
  • Русский
  • Français (Afrique)
  • Português (Portugal)
  • Bahasa Indonesia
  • 日本語
  • بالعربية
  • Українська
  • Português (Brasil)