Mengapa harus mulai merencanakan keuangan? Sekarang bukan waktunya lagi.

เมื่อเผชิญกับวิกฤตเศรษฐกิจและสถานการณ์ไม่แน่นอน หลายคนจึงตระหนักว่า “การวางแผนการเงิน” ไม่ใช่เรื่อง奢侈 แต่เป็นความจำเป็นสำหรับการดำรงชีวิต หากคุณยังไม่มีแผนการเงินที่ชัดเจน บทความนี้จะช่วยให้คุณเข้าใจว่าทำไมต้องเริ่มด้วยขั้นตอนไหน

การวางแผนการเงินคืออะไร และมีความสำคัญต่อชีวิตอย่างไร

การวางแผนการเงิน คือกระบวนการบริหารจัดการเงินของเรา เพื่อให้เกิดความมั่นคงทางการเงิน ไม่ว่าจะในปัจจุบันหรือในอนาคต กระบวนการนี้ครอบคลุมการวิเคราะห์รายรับ รายจ่าย ทรัพย์สิน หนี้สิน และการกำหนดเป้าหมายการเงินอย่างสุขุม

นึกถึงชีวิตเสมือนการเดินทาง ถ้าเราต้องการกลับบ้าน เราจะต้องรู้ว่า ตัวเราอยู่ที่ไหนตอนนี้ จุดหมายคือไหน และจะไปต้องผ่านเส้นทางไหน ชีวิตก็เช่นเดียวกัน ถ้าไม่มีแผน เราจะล่องลอยไปตามกระแส จนกว่าเราจะพบกับวิกฤตแล้วค่อยรู้สึกตัว

ทำไมการออมและการวางแผนการเงิน ถึงเป็นวาระแห่งชาติในปัจจุบัน

ประชากรไทยกำลังเข้าสู่ยุคสูงวัย แต่ความเสี่ยงด้านการเกษียณมีมากขึ้น

สถิติล่าสุดแสดงว่า จาก 100 คนที่ไปเกษียณ มีเพียง 25 คนเท่านั้นที่มีเงินเพียงพอสำหรับชีวิตหลังเกษียณ สัดส่วนของประชากรไทยที่อายุเกิน 60 ปีเพิ่มขึ้นเป็น 10% ของประชากรทั้งหมดแล้ว และในอีก 15 ปีข้างหน้า จะเพิ่มเป็น 20%

หากคุณวางแผนเกษียณเมื่ออายุ 60 ปี และต้องใช้ชีวิตต่อไปอีก 20-30 ปี (บนพื้นฐานอายุขัยเฉลี่ย ชาย 71.3 ปี หญิง 78.2 ปี) โดยใช้จ่ายเดือนละ 30,000 บาท การคำนวณง่ายๆ ก็คือ ต้องสะสมอย่างน้อย 7.2 ล้านบาท เพียงเพื่อมีรายได้ในช่วงเกษียณ

แต่สมัยนี้สวัสดิการของรัฐ เช่น เบี้ยเลี้ยงผู้สูงอายุเดือนละ 600 บาท และเงินสมทบประกันสังคมเฉลี่ยเดือนละ 3,000 บาท ไม่เพียงพอต่อการใช้ชีวิตที่มีคุณภาพ บวกกับการขาดแคลนแรงงานในอนาคต ทำให้สัดส่วนระหว่างผู้ที่อยู่ในวัยทำงานต่อผู้สูงอายุจะลดลงจาก 6 ต่อ 1 ปัจจุบันเป็น 3 ต่อ 1 ในปี 2021 หมายความว่า ภาษีสนับสนุนสวัสดิการจะเพียงพอน้อยลง

เงินเฟ้อเป็นศัตรูเงียบๆ ที่ทำให้เงินของคุณมีค่าลดลง

ลองย้อนหลังไปคิดดู 20-30 ปีที่แล้ว ก๋วยเตี๋ยวชามละ 5-10 บาท ในปัจจุบันราคาปีนขึ้นเป็น 40-50 บาท ข้าวข้างหนึ่งก็แพงขึ้นสองเท่า ยิ่งไปอีก 30 ปีข้างหน้า สินค้าที่เราซื้ออาจแพงขึ้นอีก 1-2 เท่าตัว

เพื่อให้เงินของคุณชนะเงินเฟ้อ การลงทุนจึงกลายเป็นสิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ เพราะการฝากธนาคารอย่างเดียวที่ให้ผลตอบแทน 1-2% ต่อปีนั้น ไม่เพียงพอต่อการป้องกันจากการสูญหายมูลค่าของเงิน

โครงสร้างครอบครัวเปลี่ยนไป ไม่สามารถพึ่งลูกหลานเพียงอย่างเดียว

สมัยก่อน เมื่อครอบครัวมีลูกจำนวนมาก ผู้สูงอายุสามารถพึ่งพิงรายได้ของลูกได้ แต่ปัจจุบัน เทรนด์ของคนไทยหนุ่มสาวมีลูกน้อยลงเพราะค่าใช้จ่ายสูงขึ้น เฉลี่ยแล้วครอบครัวต่อหนึ่งมีเพียง 1-2 คน

สถิติพบว่า 55.8% ของผู้สูงอายุยังคงต้องพึ่งพิงผู้อื่น แต่ลูกเราเองก็มีภาระในการใช้จ่ายมากมาย อาจไม่สามารถช่วยเหลือได้อย่างเต็มที่ การพึ่งตัวเองผ่านการวางแผนการเงินที่ดีจึงเป็นทางเลือกที่ปราจญญาที่สุด

ผลิตภัณฑ์ทางการเงินมีความหลากหลาย แต่ซับซ้อนมากขึ้น

สมัยของผู้บ่าวสูงอายุ การฝากเงินที่ธนาคารให้ผลตอบแทนที่น่าพอใจ แต่ปัจจุบันอัตราดอกเบี้ยต่ำสุดเป็นประวัติการณ์ ในขณะที่ตัวเลือกในการลงทุนมีเพิ่มขึ้น เช่น หุ้น (กว่า 726 ตัว) กองทุนรวม (กว่า 1,537 กองทุน) หุ้นกู้ ประกันชีวิต และอสังหาริมทรัพย์

การเลือกผลิตภัณฑ์ที่เหมาะสมกับความเสี่ยงและเป้าหมายการเงินของแต่ละคนต้องมีความเข้าใจ ไม่เช่นนั้นจะเสี่ยงต่อการตัดสินใจผิดพลาด

ขั้นตอนการวางแผนการเงิน ที่ผู้เริ่มต้นควรรู้

1. กำหนดเป้าหมายการเงินของตัวเอง

หากไม่มีเป้าหมาย การออมจะกลายเป็นการกระทำที่ไร้จุดหมาย คุณควรตั้งเป้าหมายให้ชัดเจน เช่น:

  • ระยะสั้น (1-3 ปี): ซื้ออุปกรณ์ไฟฟ้า ไปเที่ยว จ่ายงานแต่งงาน
  • ระยะกลาง (3-10 ปี): ซื้อบ้าน ซื้อรถ
  • ระยะยาว (10+ ปี): การเกษียณ การศึกษาลูก

อย่าลืมจัดสรรเงินไปยังการประกันภัย ภาษี และการเกษียณด้วย บางครั้งการเลือกผลิตภัณฑ์ที่เหมาะสมสามารถให้สิทธิลดหย่อนภาษีพิเศษได้

2. ติดตามรายรับและรายจ่ายอย่างสม่ำเสมอ

90% ของคนที่เพิ่งเริ่มทำงานต้องเผชิญกับปัญหา “เดือนชนเดือน ไม่มีเงินเหลือ” การจดบันทึกรายรับ-รายจ่ายรายวันจะช่วยให้คุณเห็นว่า เงินไปไหน อะไรคือค่าใช้จ่ายจำเป็น อะไรคือการใช้จ่ายฟุ่มเฟือย

ในเวลาเพียง 7 วันของการจดบันทึกสม่ำเสมอ คุณจะพบแบบแผนการใช้จ่ายของตัวเองและสามารถทำปรับปรุงได้ ปัจจุบันมีแอปพลิเคชันจำนวนมากที่ช่วยจดรายรับ-รายจ่ายได้ง่ายและสะดวก

3. สร้างงบการเงินส่วนบุคคล

สำหรับหลายคนที่ทำงานมาหลายปี อาจจะไม่เคยเช็ครายละเอียดของตัวเองว่า:

  • สินทรัพย์ที่มีทั้งหมดมีอะไรบ้าง
  • หนี้สินคงค้างอยู่เท่าไหร่
  • สภาพคล่องพอไหม
  • ความมั่งคั่งที่แท้จริงเท่าไหร่

การคำนวณจะง่ายๆ คือ: สินทรัพย์รวม - หนี้สินรวม = ความมั่งคั่งสุทธิ ยิ่งค่านี้เป็นบวกมากเท่าไหร่ยิ่งดี

4. เตรียมเงินสำรองฉุกเฉินให้เพียงพอ

โลกเต็มไปด้วยความไม่แน่นอน วันศุกร์คุณอาจยังมีงาน แต่วันจันทร์ก็ถูกออกจากงาน หรือเกิดภาวะฉุกเฉิน เช่น ญาติเจ็บป่วย ต้องมีค่าใช้จ่ายใหญ่ๆ

ควรเตรียมเงินฉุกเฉินไว้ 3-6 เท่าของรายจ่ายรายเดือน ให้เป็นตัวเงินสด หรือเงินในบัญชีธนาคารที่ถอนได้ง่าย อย่างเช่น กองทุนรวมตลาดเงิน หรือบัญชีเงินฝากปกติ

5. เข้าใจความเสี่ยงส่วนตัว และหาประกันคุ้มครอง

หลายคนให้ความสำคัญกับการประกันทรัพย์สิน เช่น บ้านและรถ แต่ลืมไปว่าตัวเองคือสินทรัพย์ที่มีค่ามากที่สุด

หากผู้นำครอบครัวเจ็บป่วยหรือเกิดอุบัติเหตุ ไม่เพียงแต่รายได้หายไป แต่ยังต้องใช้เงินจำนวนมากสำหรับการรักษาพยาบาล วิกฤต COVID-19 ได้แสดงให้เห็นแล้วว่า หลายครอบครัวต้องสูญเสียผู้นำครอบครัวไป และทิ้งภาระหนี้สินให้ครอบครัวต้องแบกรับ

การมีประกันชีวิตและประกันสุขภาพ ถือเป็นการป้องกันเงินที่หามาได้ยาก

6. ปฏิบัติหลัก “เก็บก่อน ใช้ทีหลัง” มิใช่รอสิ้นเดือน

จากการคิด: รายรับ - รายจ่าย = เงินเก็บ เปลี่ยนเป็น รายรับ - เงินเก็บ = รายจ่าย

ทันทีที่เงินเดือนเข้า ให้ถอนเงินออกมาตั้งแต่ 10% ขึ้นไป ไปฝากไว้ในบัญชีอื่น ใช้เงินที่เหลือในการครองชีวิตประจำวัน หลักการนี้ช่วยให้บังคับตัวเองได้ว่าต้องเก็บเงินสม่ำเสมอ

พอเริ่มทำงาน หลายคนต้องการสร้างทรัพย์สินอย่างรวดเร็ว เช่น ซื้อคอนโด บ้าน รถ จึงกู้ยืมเงินอย่างไม่คำนึง หลักการดีคือ การผ่อนหนี้สินต่างๆ ไม่ควรเกิน 45% ของรายได้ต่อเดือน เช่น มีรายได้ 20,000 บาท ไม่ควรผ่อนเกิน 9,000 บาท ไม่เช่นนั้นชีวิตจะเสียเปรียบ

7. หารายได้เสริมจากช่องทางอื่น

ช่วง COVID-19 ห้ายคนตกงานจากบริษัทเดียว หากคุณมีรายได้มากกว่าหนึ่งทาง การพึ่งพิงจะลดลง สามารถใช้เวลาว่างหรือทักษะของตัวเอง หารายได้เพิ่มเติมได้

การมีรายได้หลายช่องทางไม่ใช่ทางเลือก แต่เป็นความจำเป็นในยุคนี้

8. ให้เงินทำงานผ่านการลงทุนที่สมควร

เงินที่หลงเหลือจากการใช้จ่ายและออมไม่ควรนอนนิ่งๆ ควรนำไปลงทุนในสินทรัพย์ที่เหมาะสม ตามความเสี่ยงและความเข้าใจของแต่ละบุคคล

ตัวอย่าง:

  • หุ้นหรือกองทุนรวม: ได้ผลตอบแทนจากเงินปันผลและผลต่างราคา แต่มีความเสี่ยง
  • หุ้นกู้: ได้ดอกเบี้ยและเงินต้นคืนที่มีความแน่นอนมากกว่า
  • อสังหาริมทรัพย์: ได้ค่าเช่าที่แน่นอนและมีความมั่นคง

การจัดพอร์ตการลงทุนให้สมดุลระหว่างความเสี่ยงและผลตอบแทนจึงมีความสำคัญ

9. ลงทุนกับความรู้ของตัวเอง

ในปัจจุบัน มีแหล่งเรียนรู้เกี่ยวกับการวางแผนการเงินมากมาย เว็บไซต์ เพจต่างๆ YouTube และ Podcast มีปริมาณเนื้อหาเกี่ยวกับการเงินและการลงทุนฟรี

ลองหาเวลาว่างอย่างน้อย 1-3 ชั่วโมงต่อสัปดาห์เพื่อศึกษา จะทำให้การวางแผนการเงินมีประสิทธิภาพมากขึ้น

เปรียบเทียบชีวิตของสองแบบ: คนที่ออมเงิน กับคนที่ไม่ออมเงิน

รายการ คนออมเงิน คนไม่ออมเงิน
เงินต้นเริ่มต้น 10,000 บาท 10,000 บาท
เก็บเงินรายเดือน 5,000 บาท 0 บาท
ระยะเวลา 15 ปี (180 เดือน) -
ผลตอบแทนการลงทุน 5% 1% (เฉพาะเงินฝากธนาคาร)
เงินเก็บหลัง 15 ปี 1,357,582 บาท 11,607 บาท

ความแตกต่างกว่า 1.3 ล้านบาท! ความพยายามวันนี้จะกลายเป็นความรวยในวันข้างหน้า

สรุป: เริ่มวางแผนการเงินตอนนี้ไม่สายเลย

การวางแผนการเงิน ไม่ใช่เรื่องที่ยุ่งยาก แต่คือการสร้างนิสัยที่ดีโดยค่อยเป็นค่อยไป ขั้นตอนเบื้องต้นคือ:

  1. จดบันทึกรายรับ-รายจ่าย เพื่อรู้ว่าเงินไปไหน
  2. สร้างงบการเงินส่วนบุคคล เพื่อรู้ถึงสภาพคล่องและความมั่งคั่งจริงๆ
  3. ตั้งเป้าหมายการเงินให้ชัดเจน
  4. เตรียมเงินสำรองฉุกเฉิน
  5. เก็บเงินก่อนใช้
  6. ลงทุนในสินทรัพย์ที่เหมาะสม
  7. เรียนรู้อย่างต่อเนื่อง

การวางแผนการเงิน ไม่ใช่เพื่อให้รวยแล้วนอนสบาย แต่เพื่อให้มีความสุขและความมั่นคงในชีวิตทุกช่วง ลองทำตามขั้นตอนเหล่านี้และคุณจะเห็นการเปลี่ยนแปลงในบัญชีธนาคารของคุณอย่างแน่นอน

Lihat Asli
Halaman ini mungkin berisi konten pihak ketiga, yang disediakan untuk tujuan informasi saja (bukan pernyataan/jaminan) dan tidak boleh dianggap sebagai dukungan terhadap pandangannya oleh Gate, atau sebagai nasihat keuangan atau profesional. Lihat Penafian untuk detailnya.
  • Hadiah
  • Komentar
  • Posting ulang
  • Bagikan
Komentar
0/400
Tidak ada komentar
  • Sematkan

Perdagangkan Kripto Di Mana Saja Kapan Saja
qrCode
Pindai untuk mengunduh aplikasi Gate
Komunitas
Bahasa Indonesia
  • 简体中文
  • English
  • Tiếng Việt
  • 繁體中文
  • Español
  • Русский
  • Français (Afrique)
  • Português (Portugal)
  • Bahasa Indonesia
  • 日本語
  • بالعربية
  • Українська
  • Português (Brasil)