سكوير
الأحدث
رائج
أخبار
نظرة عامة على المركز الشخصي
المنشور
MEV_Whisperer
2025-12-24 23:36:49
متابعة
## เมื่อเงินหดตัว นักลงทุนต้องรู้ว่าลงทุนเพื่ออะไร
ช่วงที่ราคาสินค้าและบริการไม่หยุดปรับลงทีละน้อย สภาวะเศรษฐกิจกำลังส่งสัญญาณเตือนว่าเราอาจเข้าสู่ช่วง deflation หรือภาวะเงินฝืด ปัญหาคือนักลงทุนส่วนใหญ่ยังไม่รู้ว่าควรทำอย่างไร มาทำความเข้าใจกับเรื่องนี้กันให้ชัดเจนและนำไปปรับใช้ได้จริง
## ภาวะเงินฝืด คืออะไร กับภาวะเงินเฟ้อต่างกันยังไง
เมื่อพูดถึง deflation หรือภาวะเงินฝืด ก็หมายถึงสภาวะที่ระดับราคาในภาพรวมไม่หยุดลดลง เป็นปรากฏการณ์ตรงข้ามกับภาวะเงินเฟ้อ (inflation) ที่เราเคยได้ยินกันมา
ในช่วง deflation มูลค่าของเงินจำนวนเดียวกันจะมีอำนาจซื้อเพิ่มสูงขึ้น นั่นคือด้วยเงิน 100 บาท เดิมซื้อของได้ 2 ชิ้น หลังจากเกิด deflation ด้วยเงินเท่ากันนั้น เราสามารถซื้อได้ 3 ชิ้นแทน
แต่สิ่งที่ต้องรู้คือการที่ราคาลดลงหมายถึงค่าเฉลี่ยโดยรวมลดลง ไม่ใช่ว่าทุกสินค้าจะถูกลงหมด บางรายการอาจยังคงแพงอยู่ บางรายการก็ปรับลงมากกว่า
## เมื่อไหร่ที่ deflation มักเกิดขึ้น
การเกิด deflation ส่วนใหญ่เกี่ยวข้องกับช่วงที่เศรษฐกิจกำลังไม่ดี โดยมีหลายปัจจัยหนุนเข้า
**จากด้านอุปทาน** เมื่อการผลิตเพิ่มขึ้นอย่างฉับพลัน หรือมีความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีทำให้ต้นทุนการผลิตต่ำลง ผู้ผลิตจึงลดราคาลง
**จากด้านอุปสงค์** เมื่อความต้องการซื้อลดลง เพราะกำลังซื้อของประชาชนเสื่อมถอย หรือเกิดจากการเพิ่มขึ้นของภาระหนี้ส่วนบุคคล การว่างงาน และการที่สถาบันการเงินเข้มงวดเรื่องการให้เครดิต
**จากนโยบายผิดพลาด** เมื่อรัฐบาลจัดเก็บภาษีสูงเกินไป ลดเงินสดสำรองของธนาคารกลางได้ไม่พอ หรือออกนโยบายการคลังที่ตรงข้ามกับความต้องการของตลาด
**จากการไหลออกของทุน** เมื่อมีการส่งเงินออกนอกประเทศอย่างต่อเนื่อง ทำให้สภาพคล่องทางการเงินขาดแคลน
## ประวัติศาสตร์เตือน: The Great Depression
ประเทศสหรัฐประสบการ deflation ที่รุนแรงที่สุดในช่วง The Great Depression (ช่วงต้นพ.ศ. 2515) เมื่อตลาดหุ้นร่วงลงอย่างหนักในวันที่ 4 กันยายน 2515 ซึ่งถูกเรียกว่า "Black Tuesday"
ผลกระทบแสดงออกมาในตัวเลขที่น่ากังวล: GDP โลกตกลงกว่า 15% ในเพียง 3 ปี ปริมาณการค้าระหว่างประเทศลดลงเกินกว่า 50% อัตราการว่างงานในสหรัฐพุ่งขึ้นสูงถึง 23% บางประเทศถึง 33% และราคาพืชผลทางการเกษตรหล่นลงต่ำกว่า 60%
ผลเสียเหล่านั้นยังคงดำเนินต่อไปจนถึงช่วงต้นของสงครามโลกครั้งที่ 2 ซึ่งแสดงให้เห็นว่า deflation ที่รุนแรงสามารถสร้างความเสียหายระยะยาวต่อเศรษฐกิจได้
## เศรษฐกิจถดถอยกับ deflation มีความสัมพันธ์กันไหม
ใช่แล้ว เมื่อเศรษฐกิจเข้าสู่ภาวะถดถอย (recession) นั่นหมายความว่า GDP ติดลบติดต่อกันสองไตรมาส กิจกรรมเศรษฐกิจชะลอตัว ลูกค้ามีเงินซื้อสินค้าน้อยลง ผู้ประกอบการจึงต้องลดราคาตามไปเพื่อเพิ่มการซื้อ
แต่ที่ร้ายแรงคือ เมื่อประชาชนเห็นราคาลดลง พวกเขาจึงรอให้ราคาถูกลงไปอีก ผู้ประกอบการจึงต้องลดราคาต่อไป เกิดเป็นวงจร deflationary spiral ที่เพิ่มความซบเซาให้กับเศรษฐกิจ เมื่อธุรกิจต้องลดต้นทุน พวกเขาก็เลิกจ้างพนักงาน การว่างงานเพิ่มขึ้น กำลังซื้อลดลงอีกรอบ
## สถานการณ์ประเทศไทย ป้อมปราการสุดท้ายหรือเรียบร้อยแล้ว
จากข้อมูลอัตราเงินเฟ้อทั่วไปของไทยที่ติดลบมาหลายเดือนติดต่อกัน ตั้งแต่ช่วงเมษายน 2563 ลดลงร้อยละ 2.99 (YoY) บางคนอาจคิดว่าประเทศไทยเข้า deflation แล้ว
แต่นักวิเคราะห์จากธนาคารแห่งประเทศไทยแสดงว่าประเทศไทยยังไม่ตรงตามเงื่อนไขนิยามของ deflation ที่สมบูรณ์ เพราะ:
อัตราเงินเฟ้อแม้ติดลบแต่ยังไม่ลดลงต่อเนื่อง ล่าสุดมีแนวโน้มพลิกตัวสูงขึ้นจาก -1.7% ในปีที่ 63 เป็น 0.9% ในปีที่ 64
ราคาสินค้าส่วนใหญ่ (ประมาณ 70%) ยังคงราคาเดิมหรือเพิ่มขึ้น มีเพียงบางรายการเท่านั้นที่ลดลง
ดัชนีนำไปของเศรษฐกิจโลก (Global LEI) มีแนวโน้มขาลง คาดว่า 2566 อาจเผชิญความเสี่ยงเศรษฐกิจถดถอยมากขึ้น ซึ่งต้องติดตามความพัฒนา
## ผลกระทบ deflation ต่ออนุบาลการณ์ที่แตกต่างกัน
**ใครได้เปรียบ**
ผู้ที่มีรายได้ประจำและเจ้าหนี้ เงินสดของพวกเขามีอำนาจซื้อเพิ่มขึ้น หากใครเป็นเจ้าหนี้ ลูกหนี้ต้องใช้ประหยัดมากขึ้นในการชำระหนี้ ท่านจึงได้ประโยชน์
**ใครเสียประโยชน์**
ผู้ประกอบการ ลูกค้าจับจ่ายน้อยลง ส่วนต่างกำไรหดตัว บางคนต้องลดการจ้างงาน ทำให้อัตราการว่างงานเพิ่มขึ้น ผู้ที่มีรายได้จากกำไรและลูกหนี้ก็เสียหาย
## รัฐจะแก้ปัญหา deflation ได้อย่างไร
**ด้านการเงิน**
ธนาคารกลางลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายลง เพื่อให้สถาบันการเงินยินดีให้เครดิตมากขึ้น ลดอัตราเงินสดสำรองของธนาคาร เพื่อให้มีเงินสดไหลเข้าสู่ระบบเศรษฐกิจมากขึ้น ซื้อตราสารจากตลาดเพื่อเพิ่มสภาพคล่องทางการเงิน
**ด้านการคลัง**
เก็บภาษีให้น้อยลงเพื่อให้ประชาชนเหลือเงินใช้จ่าย ใช้งบประมาณแบบขาดดุล เพิ่มค่าใช้จ่ายรัฐบาลมากขึ้น ลดค่าน้ำ ค่าไฟ เพื่อบรรเทาโหลดที่ประชาชน สนับสนุนการลงทุนในภาครัฐและเอกชน เพื่อเกิดการจ้างงานและหมุนเวียนเงิน
## ลงทุนอะไรดีในช่วง deflation
**ตัวเลือกที่ 1: ถือเงินสด**
ในช่วง deflation เงินสดมีอำนาจซื้อเพิ่มสูงขึ้น ถือมันไว้แล้วยิ่งคุ้มค่า ขณะเดียวกัน ให้โอกาสแก่นักลงทุนที่มีเงินสดพร้อม ที่จะเข้าหุ่นเมื่อราคาถูกที่สุด
**ตัวเลือกที่ 2: ตราสารหนี้**
เมื่อธนาคารแห่งประเทศไทยลดดอกเบี้ยลง มูลค่าของตราสารหนี้เก่า (ที่มีอัตราดอกเบี้ยสูงกว่า) จะเพิ่มขึ้น ปัญหาคือต้องเลือกตราสารหนี้ที่น่าเชื่อถือเท่านั้น เพื่อหลีกเลี่ยงความเสี่ยงการผิดนัดชำระ
**ตัวเลือกที่ 3: หุ้นที่แข็งแกร่ง**
ไม่ใช่ว่าหุ้นทั้งหมดจะตกต่ำเท่าๆกัน บริษัทที่มีโมเดลธุรกิจเข็ด ราคาอาจจะไม่ลดลงมากนัก ลงทุนในธุรกิจที่จำเป็น เช่น อาหาร น้ำ ยา อยู่อาศัย หากประชาชนต้องใช้ตลอด ความต้องการจึงไม่ตกต่ำมากนัก
**ตัวเลือกที่ 4: อสังหาริมทรัพย์**
ในสภาวะ deflation ผู้ขายบ้านหลายคนเร่งขาย จึงเต็มใจปรับลดราคา นักลงทุนท่านที่มีเงินเหลือ อาจเลือกซื้อไว้เก็งกำไรเพื่อคอยรอเศรษฐกิจฟื้น
**ตัวเลือกที่ 5: ทองคำ**
ราคาทองคำมักดิ่งไปตามเศรษฐกิจในภาพรวม แต่ทองคำเป็นสินทรัพย์ที่มีมูลค่าภายในตัวเอง ผู้ลงทุนสามารถซื้อทองคำถูกๆตอนนี้ แล้วรอเศรษฐกิจฟื้น
วิธีการหนึ่งที่นิยมคือการเทรด CFD ทองคำ โดยนักลงทุนสามารถ "เก็งกำไรจากการขึ้น-ลง" ของราคาได้ โดยไม่จำเป็นต้องซื้อของจริง เพียงแค่เปิดบัญชีกับโบรกเกอร์ CFD ดาวน์โหลดแพลตฟอร์มเทรด แล้วก็สามารถเริ่มต้นได้
**ตัวเลือกที่ 6: ขาย Short หุ้น**
วิธีนี้ยังไม่ได้รับความนิยมมากนัก แต่คุณอาจยืมหุ้นมาขายออกไป เมื่อราคาหุ้นลดลงแล้วจึงซื้อหุ้นกลับคืนให้ผู้ให้ยืม ทำกำไรจากส่วนต่างราคา
## กลยุทธ์การบัญชีในช่วง deflation
หากต้องการให้ผ่านช่วงนี้ไปได้ดี ควรทำ 3 สิ่งนี้
**ประการแรก: หา Asset ที่ทำให้เงินมีค่า**
ในสภาวะ deflation เงินสดคือราชา เก็บไว้ให้สามารถเข้าลงทุนได้เมื่อกำหนดราคา
**ประการที่สอง: ศึกษาแบ่งหนึ่ง ตัวแบ่งเก็บ**
เมื่อเศรษฐกิจผันผวน ไม่ควรเอาเงินทั้งหมดลงไปในหนึ่งตัวเลือก แบ่งพอร์ตโฟลิโอ เช่น 40% เงินสด 30% หุ้น 20% ทองคำ 10% ตราสารหนี้ เป็นต้น
**ประการที่สาม: ตัดขาดทุน ไม่ให้เสียเกินไป**
กำหนดระดับ Stop Loss ไว้ก่อนเข้าลงทุน เมื่อขาดทุนถึงจุดนั้นแล้ว ให้ออกจากตำแหน่งเสียทันที อย่ารอให้ขาดทุนลึกกว่านั้น
## สรุป: Deflation ไม่ใช่จุดจบ คือจุดเปลี่ยน
**ภาวะเงินฝืด** ย่อมเป็นสภาวะที่ไม่ดี แต่มันไม่ใช่จุดจบของเศรษฐกิจ มันเป็นการทดสอบความสามารถในการบริหารจัดการเงิน
ผู้ที่เข้าใจหลักการ deflation และมีแผนการลงทุนที่ชัดเจน มักจะออกจากช่วงนี้ได้ดีกว่า บางคนถึงกำไรด้วยซ้ำ ขณะที่คนสุ่มสี่สุ่มห้า อาจเสียหายไปแล้ว
สำคัญคือต้องรู้ว่าต้องลงทุนอะไร ที่ไหน เวลาไหน และเมื่อไหร่ที่ต้องถอนตัว นั่นแหละคือเอกลักษณ์ของนักลงทุนที่ฉลาด
شاهد النسخة الأصلية
قد تحتوي هذه الصفحة على محتوى من جهات خارجية، يتم تقديمه لأغراض إعلامية فقط (وليس كإقرارات/ضمانات)، ولا ينبغي اعتباره موافقة على آرائه من قبل Gate، ولا بمثابة نصيحة مالية أو مهنية. انظر إلى
إخلاء المسؤولية
للحصول على التفاصيل.
أعجبني
إعجاب
تعليق
إعادة النشر
مشاركة
تعليق
0/400
تعليق
لا توجد تعليقات
المواضيع الرائجة
عرض المزيد
#
Gate2025AnnualReportComing
100.87K درجة الشعبية
#
CryptoMarketMildlyRebounds
48.76K درجة الشعبية
#
GateChristmasVibes
27.76K درجة الشعبية
#
SantaRallyBegins
9.99K درجة الشعبية
#
CreatorETFs
5.19K درجة الشعبية
Gate Fun الساخن
عرض المزيد
الأحدث
جارٍ الإنهاء
تم الإدراج
1
SNOWBALL
Snowball
القيمة السوقية:
$3.52K
عدد الحائزين:
1
0.00%
2
XLAYER
XLAYER
القيمة السوقية:
$3.51K
عدد الحائزين:
1
0.00%
3
摆烂蛙
BLW
القيمة السوقية:
$3.53K
عدد الحائزين:
2
0.00%
4
LightHusky
GG
القيمة السوقية:
$3.56K
عدد الحائزين:
2
0.00%
5
JI
jijiji
القيمة السوقية:
$3.53K
عدد الحائزين:
2
0.04%
تثبيت
خريطة الموقع
## เมื่อเงินหดตัว นักลงทุนต้องรู้ว่าลงทุนเพื่ออะไร
ช่วงที่ราคาสินค้าและบริการไม่หยุดปรับลงทีละน้อย สภาวะเศรษฐกิจกำลังส่งสัญญาณเตือนว่าเราอาจเข้าสู่ช่วง deflation หรือภาวะเงินฝืด ปัญหาคือนักลงทุนส่วนใหญ่ยังไม่รู้ว่าควรทำอย่างไร มาทำความเข้าใจกับเรื่องนี้กันให้ชัดเจนและนำไปปรับใช้ได้จริง
## ภาวะเงินฝืด คืออะไร กับภาวะเงินเฟ้อต่างกันยังไง
เมื่อพูดถึง deflation หรือภาวะเงินฝืด ก็หมายถึงสภาวะที่ระดับราคาในภาพรวมไม่หยุดลดลง เป็นปรากฏการณ์ตรงข้ามกับภาวะเงินเฟ้อ (inflation) ที่เราเคยได้ยินกันมา
ในช่วง deflation มูลค่าของเงินจำนวนเดียวกันจะมีอำนาจซื้อเพิ่มสูงขึ้น นั่นคือด้วยเงิน 100 บาท เดิมซื้อของได้ 2 ชิ้น หลังจากเกิด deflation ด้วยเงินเท่ากันนั้น เราสามารถซื้อได้ 3 ชิ้นแทน
แต่สิ่งที่ต้องรู้คือการที่ราคาลดลงหมายถึงค่าเฉลี่ยโดยรวมลดลง ไม่ใช่ว่าทุกสินค้าจะถูกลงหมด บางรายการอาจยังคงแพงอยู่ บางรายการก็ปรับลงมากกว่า
## เมื่อไหร่ที่ deflation มักเกิดขึ้น
การเกิด deflation ส่วนใหญ่เกี่ยวข้องกับช่วงที่เศรษฐกิจกำลังไม่ดี โดยมีหลายปัจจัยหนุนเข้า
**จากด้านอุปทาน** เมื่อการผลิตเพิ่มขึ้นอย่างฉับพลัน หรือมีความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีทำให้ต้นทุนการผลิตต่ำลง ผู้ผลิตจึงลดราคาลง
**จากด้านอุปสงค์** เมื่อความต้องการซื้อลดลง เพราะกำลังซื้อของประชาชนเสื่อมถอย หรือเกิดจากการเพิ่มขึ้นของภาระหนี้ส่วนบุคคล การว่างงาน และการที่สถาบันการเงินเข้มงวดเรื่องการให้เครดิต
**จากนโยบายผิดพลาด** เมื่อรัฐบาลจัดเก็บภาษีสูงเกินไป ลดเงินสดสำรองของธนาคารกลางได้ไม่พอ หรือออกนโยบายการคลังที่ตรงข้ามกับความต้องการของตลาด
**จากการไหลออกของทุน** เมื่อมีการส่งเงินออกนอกประเทศอย่างต่อเนื่อง ทำให้สภาพคล่องทางการเงินขาดแคลน
## ประวัติศาสตร์เตือน: The Great Depression
ประเทศสหรัฐประสบการ deflation ที่รุนแรงที่สุดในช่วง The Great Depression (ช่วงต้นพ.ศ. 2515) เมื่อตลาดหุ้นร่วงลงอย่างหนักในวันที่ 4 กันยายน 2515 ซึ่งถูกเรียกว่า "Black Tuesday"
ผลกระทบแสดงออกมาในตัวเลขที่น่ากังวล: GDP โลกตกลงกว่า 15% ในเพียง 3 ปี ปริมาณการค้าระหว่างประเทศลดลงเกินกว่า 50% อัตราการว่างงานในสหรัฐพุ่งขึ้นสูงถึง 23% บางประเทศถึง 33% และราคาพืชผลทางการเกษตรหล่นลงต่ำกว่า 60%
ผลเสียเหล่านั้นยังคงดำเนินต่อไปจนถึงช่วงต้นของสงครามโลกครั้งที่ 2 ซึ่งแสดงให้เห็นว่า deflation ที่รุนแรงสามารถสร้างความเสียหายระยะยาวต่อเศรษฐกิจได้
## เศรษฐกิจถดถอยกับ deflation มีความสัมพันธ์กันไหม
ใช่แล้ว เมื่อเศรษฐกิจเข้าสู่ภาวะถดถอย (recession) นั่นหมายความว่า GDP ติดลบติดต่อกันสองไตรมาส กิจกรรมเศรษฐกิจชะลอตัว ลูกค้ามีเงินซื้อสินค้าน้อยลง ผู้ประกอบการจึงต้องลดราคาตามไปเพื่อเพิ่มการซื้อ
แต่ที่ร้ายแรงคือ เมื่อประชาชนเห็นราคาลดลง พวกเขาจึงรอให้ราคาถูกลงไปอีก ผู้ประกอบการจึงต้องลดราคาต่อไป เกิดเป็นวงจร deflationary spiral ที่เพิ่มความซบเซาให้กับเศรษฐกิจ เมื่อธุรกิจต้องลดต้นทุน พวกเขาก็เลิกจ้างพนักงาน การว่างงานเพิ่มขึ้น กำลังซื้อลดลงอีกรอบ
## สถานการณ์ประเทศไทย ป้อมปราการสุดท้ายหรือเรียบร้อยแล้ว
จากข้อมูลอัตราเงินเฟ้อทั่วไปของไทยที่ติดลบมาหลายเดือนติดต่อกัน ตั้งแต่ช่วงเมษายน 2563 ลดลงร้อยละ 2.99 (YoY) บางคนอาจคิดว่าประเทศไทยเข้า deflation แล้ว
แต่นักวิเคราะห์จากธนาคารแห่งประเทศไทยแสดงว่าประเทศไทยยังไม่ตรงตามเงื่อนไขนิยามของ deflation ที่สมบูรณ์ เพราะ:
อัตราเงินเฟ้อแม้ติดลบแต่ยังไม่ลดลงต่อเนื่อง ล่าสุดมีแนวโน้มพลิกตัวสูงขึ้นจาก -1.7% ในปีที่ 63 เป็น 0.9% ในปีที่ 64
ราคาสินค้าส่วนใหญ่ (ประมาณ 70%) ยังคงราคาเดิมหรือเพิ่มขึ้น มีเพียงบางรายการเท่านั้นที่ลดลง
ดัชนีนำไปของเศรษฐกิจโลก (Global LEI) มีแนวโน้มขาลง คาดว่า 2566 อาจเผชิญความเสี่ยงเศรษฐกิจถดถอยมากขึ้น ซึ่งต้องติดตามความพัฒนา
## ผลกระทบ deflation ต่ออนุบาลการณ์ที่แตกต่างกัน
**ใครได้เปรียบ**
ผู้ที่มีรายได้ประจำและเจ้าหนี้ เงินสดของพวกเขามีอำนาจซื้อเพิ่มขึ้น หากใครเป็นเจ้าหนี้ ลูกหนี้ต้องใช้ประหยัดมากขึ้นในการชำระหนี้ ท่านจึงได้ประโยชน์
**ใครเสียประโยชน์**
ผู้ประกอบการ ลูกค้าจับจ่ายน้อยลง ส่วนต่างกำไรหดตัว บางคนต้องลดการจ้างงาน ทำให้อัตราการว่างงานเพิ่มขึ้น ผู้ที่มีรายได้จากกำไรและลูกหนี้ก็เสียหาย
## รัฐจะแก้ปัญหา deflation ได้อย่างไร
**ด้านการเงิน**
ธนาคารกลางลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายลง เพื่อให้สถาบันการเงินยินดีให้เครดิตมากขึ้น ลดอัตราเงินสดสำรองของธนาคาร เพื่อให้มีเงินสดไหลเข้าสู่ระบบเศรษฐกิจมากขึ้น ซื้อตราสารจากตลาดเพื่อเพิ่มสภาพคล่องทางการเงิน
**ด้านการคลัง**
เก็บภาษีให้น้อยลงเพื่อให้ประชาชนเหลือเงินใช้จ่าย ใช้งบประมาณแบบขาดดุล เพิ่มค่าใช้จ่ายรัฐบาลมากขึ้น ลดค่าน้ำ ค่าไฟ เพื่อบรรเทาโหลดที่ประชาชน สนับสนุนการลงทุนในภาครัฐและเอกชน เพื่อเกิดการจ้างงานและหมุนเวียนเงิน
## ลงทุนอะไรดีในช่วง deflation
**ตัวเลือกที่ 1: ถือเงินสด**
ในช่วง deflation เงินสดมีอำนาจซื้อเพิ่มสูงขึ้น ถือมันไว้แล้วยิ่งคุ้มค่า ขณะเดียวกัน ให้โอกาสแก่นักลงทุนที่มีเงินสดพร้อม ที่จะเข้าหุ่นเมื่อราคาถูกที่สุด
**ตัวเลือกที่ 2: ตราสารหนี้**
เมื่อธนาคารแห่งประเทศไทยลดดอกเบี้ยลง มูลค่าของตราสารหนี้เก่า (ที่มีอัตราดอกเบี้ยสูงกว่า) จะเพิ่มขึ้น ปัญหาคือต้องเลือกตราสารหนี้ที่น่าเชื่อถือเท่านั้น เพื่อหลีกเลี่ยงความเสี่ยงการผิดนัดชำระ
**ตัวเลือกที่ 3: หุ้นที่แข็งแกร่ง**
ไม่ใช่ว่าหุ้นทั้งหมดจะตกต่ำเท่าๆกัน บริษัทที่มีโมเดลธุรกิจเข็ด ราคาอาจจะไม่ลดลงมากนัก ลงทุนในธุรกิจที่จำเป็น เช่น อาหาร น้ำ ยา อยู่อาศัย หากประชาชนต้องใช้ตลอด ความต้องการจึงไม่ตกต่ำมากนัก
**ตัวเลือกที่ 4: อสังหาริมทรัพย์**
ในสภาวะ deflation ผู้ขายบ้านหลายคนเร่งขาย จึงเต็มใจปรับลดราคา นักลงทุนท่านที่มีเงินเหลือ อาจเลือกซื้อไว้เก็งกำไรเพื่อคอยรอเศรษฐกิจฟื้น
**ตัวเลือกที่ 5: ทองคำ**
ราคาทองคำมักดิ่งไปตามเศรษฐกิจในภาพรวม แต่ทองคำเป็นสินทรัพย์ที่มีมูลค่าภายในตัวเอง ผู้ลงทุนสามารถซื้อทองคำถูกๆตอนนี้ แล้วรอเศรษฐกิจฟื้น
วิธีการหนึ่งที่นิยมคือการเทรด CFD ทองคำ โดยนักลงทุนสามารถ "เก็งกำไรจากการขึ้น-ลง" ของราคาได้ โดยไม่จำเป็นต้องซื้อของจริง เพียงแค่เปิดบัญชีกับโบรกเกอร์ CFD ดาวน์โหลดแพลตฟอร์มเทรด แล้วก็สามารถเริ่มต้นได้
**ตัวเลือกที่ 6: ขาย Short หุ้น**
วิธีนี้ยังไม่ได้รับความนิยมมากนัก แต่คุณอาจยืมหุ้นมาขายออกไป เมื่อราคาหุ้นลดลงแล้วจึงซื้อหุ้นกลับคืนให้ผู้ให้ยืม ทำกำไรจากส่วนต่างราคา
## กลยุทธ์การบัญชีในช่วง deflation
หากต้องการให้ผ่านช่วงนี้ไปได้ดี ควรทำ 3 สิ่งนี้
**ประการแรก: หา Asset ที่ทำให้เงินมีค่า**
ในสภาวะ deflation เงินสดคือราชา เก็บไว้ให้สามารถเข้าลงทุนได้เมื่อกำหนดราคา
**ประการที่สอง: ศึกษาแบ่งหนึ่ง ตัวแบ่งเก็บ**
เมื่อเศรษฐกิจผันผวน ไม่ควรเอาเงินทั้งหมดลงไปในหนึ่งตัวเลือก แบ่งพอร์ตโฟลิโอ เช่น 40% เงินสด 30% หุ้น 20% ทองคำ 10% ตราสารหนี้ เป็นต้น
**ประการที่สาม: ตัดขาดทุน ไม่ให้เสียเกินไป**
กำหนดระดับ Stop Loss ไว้ก่อนเข้าลงทุน เมื่อขาดทุนถึงจุดนั้นแล้ว ให้ออกจากตำแหน่งเสียทันที อย่ารอให้ขาดทุนลึกกว่านั้น
## สรุป: Deflation ไม่ใช่จุดจบ คือจุดเปลี่ยน
**ภาวะเงินฝืด** ย่อมเป็นสภาวะที่ไม่ดี แต่มันไม่ใช่จุดจบของเศรษฐกิจ มันเป็นการทดสอบความสามารถในการบริหารจัดการเงิน
ผู้ที่เข้าใจหลักการ deflation และมีแผนการลงทุนที่ชัดเจน มักจะออกจากช่วงนี้ได้ดีกว่า บางคนถึงกำไรด้วยซ้ำ ขณะที่คนสุ่มสี่สุ่มห้า อาจเสียหายไปแล้ว
สำคัญคือต้องรู้ว่าต้องลงทุนอะไร ที่ไหน เวลาไหน และเมื่อไหร่ที่ต้องถอนตัว นั่นแหละคือเอกลักษณ์ของนักลงทุนที่ฉลาด